ท้องเสียห้ามกินอะไร เป็นคำถามที่หลายคนอาจเคยสงสัย ซึ่งมีอาหารบางชนิดที่ผู้ที่ท้องเสียควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นมาได้ แต่หากเราทราบว่าเมื่อท้องเสียไม่ควรกินอะไร ก็จะสามารถระมัดระวังในการเลือกกินอาหารได้มากขึ้น และจะสามารถรับมือกับอาการท้องเสียที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม
อาการท้องเสียมักเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ขึ้นมาอย่างกระทันหัน อาการท้องเสียส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงและสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ ORS หรือกินยาแก้ท้องเสียทั่วไป นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้นก็เป็นวิธีการดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการท้องเสียอีกวิธีหนึ่ง
อาหาร 7 ชนิดที่คนท้องเสียไม่ควรกิน
หากสงสัยว่าเมื่อท้องเสียห้ามกินอะไร บทความนี้จะไขข้อข้องใจพร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรกินอาหารเหล่านี้ เพื่อให้ผู้อ่านทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างเหมาะสม โดยอาหารที่ผู้ที่มีอาการท้องเสียควรหลีกเลี่ยงมี 7 ชนิด ดังนี้
1. อาหารที่เป็นกรดและอาหารรสเผ็ด
เมื่อท้องเสียควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่เป็นกรดหรืออาหารที่มีรสชาติเผ็ดจัด เช่น ยำ ส้มตำ อาหารที่มีส่วนผสมของพริกแกง รวมถึงผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้ม สับปะรด หรือมะนาวด้วย เนื่องจากอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดและอาหารรสเผ็ดอาจทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เกิดการระคายเคือง และส่งผลให้ลำไส้เกิดการหดตัวเพิ่มมากขึ้นได้
นอกจากนี้ แม้ว่าในเวลาปกติร่างกายอาจตอบสนองต่อสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่ให้รสชาติเผ็ดในพริกได้ดี แต่เมื่อมีอาการท้องเสีย ลำไส้อาจไม่สามารถตอบสนองต่อสารนี้ได้ดีเท่าที่ควรด้วย
2. อาหารที่มีใยอาหารสูง
การกินอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช มีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงอาจส่งผลให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อมีอาการท้องเสียจึงควรเลือกกินอาหารที่มีใยอาหารต่ำมากกว่า เพื่อช่วยให้อุจจาระกระชับหรือจับตัวเป็นก้อนมากขึ้น และอาจช่วยทำให้อาการท้องเสียบรรเทาลงได้
3. อาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส
เมื่อท้องเสียควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่อาจทำให้เกิดแก๊ส เพราะการมีแก๊สในกระเพาะอาหารจะทำให้ลำไส้เกิดการบีบตัวมากขึ้น และอาจส่งผลให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่แย่ลงได้ ตัวอย่างอาหารที่อาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้ เช่น หัวหอม พริก พืชตระกูลถั่ว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ รวมถึงผักตระกูลกระหล่ำอย่างกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หรือบร็อคโคลี่ด้วย
4. อาหารที่มีไขมันในปริมาณมาก
เมื่อท้องเสียร่างกายจะสามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารประเภทไขมันได้ยากขึ้น การกินอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก เช่น ของทอด เพิ่มเข้าไปจะยิ่งทำให้เกิดการสะสมของไขมันในลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้ลำไส้เกิดการบีบตัวเพิ่มมากขึ้น และอาจนำไปสู่การเกิดอาการท้องเสียเพิ่มขึ้นได้ในที่สุด
5. อาหารที่ระบุว่าปราศจากน้ำตาล
โดยส่วนใหญ่ อาหารที่ระบุว่าปราศจากน้ำตาลมักมีการใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล (Sorbitol) แอสปาร์แทม (Aspartame) หรือขัณฑสกรเพิ่มเข้าไป ซึ่งสารให้ความหวานบางชนิดจะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย จึงอาจส่งผลให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่แย่ลงได้ ตัวอย่างของอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น น้ำอัดลม ลูกอม หรือหมากฝรั่ง ที่มักมีคำว่า “ปราศจากน้ำตาล” หรือ “Sugar-Free” กำกับบนฉลาก
6. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ำอัดลม
เมื่อท้องเสียควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงน้ำอัดลมหรือโซดาด้วย เพราะอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และกระตุ้นการทำงานของลำไส้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังมีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก ซึ่งอาจย่อยได้ยากเมื่อท้องเสียด้วย
7. นมและผลิตภัณฑ์จากนม
เมื่อท้องเสียควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย ชีส ไอศกรีม เพราะผลิตภัณฑ์จากนมจะมีน้ำตาลแลคโตสเป็นส่วนประกอบ ซึ่งในขณะที่ท้องเสียร่างกายจะสามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้น้อยลง จึงอาจส่งผลให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืด คลื่นไส้ หรือทำให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่แย่ลงได้
อย่างไรก็ตาม มีผลิตภัณฑ์จากนมชนิดหนึ่งที่สามารถกินได้คือโยเกิร์ต เพราะมีส่วนผสมของโพรไบโอติก (Probiotics) ที่สามารถช่วยปรับสมดุลในลำไส้ และอาจช่วยให้อาการท้องเสียบรรเทาลงได้ แต่ควรเลือกกินโยเกิร์ตสูตรไขมันต่ำหรือสูตรปราศจากแลคโตสจะเหมาะสมมากกว่า
เมื่อได้ทราบแล้วว่าหากเกิดอาการท้องเสียห้ามกินอะไร คุณก็จะสามารถเลือกกินอาหารในระหว่างที่ท้องเสียได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ท้องเสียควรกินอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่กินบ่อย ๆ แทนการกินอาหารมื้อใหญ่ในคราวเดียว และควรจิบน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ ORS รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้อาการท้องเสียดีขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นด้วย