ในปัจจุบันมีน้ำแร่ธรรมชาติจำหน่ายมากมายในท้องตลาด และมีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกดื่มน้ำแร่แทนน้ำเปล่าทั่วไป เนื่องจากเชื่อว่าน้ำแร่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำทั่วไป แท้จริงแล้วน้ำแร่มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ? ดื่มแล้วส่งผลดีต่อสุขภาพหรือไม่ ? บทความนี้จะช่วยคลายความสงสัยให้คุณได้
โดยปกติ น้ำแร่แต่ละยี่ห้อจะมาจากแหล่งน้ำหรือน้ำพุใต้ดินตามธรรมชาติที่แตกต่างกัน และอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด ไม่ว่าจะแคลเซียม แมกนีเซียม ไบคาร์บอเนต ซัลเฟต หรือโซเดียม จึงสามารถแยกย่อยได้หลายประเภทขึ้นอยู่กับว่ามาจากแหล่งน้ำใด เช่น น้ำแร่ไบคาร์บอเนต น้ำแร่ซัลเฟต น้ำแร่ซัลเฟต-ไบคาร์บอเนต น้ำแร่แคลเซียม เป็นต้น รวมถึงให้รสชาติและประโยชน์ที่ต่างกันตามไปด้วย
ประโยชน์ของน้ำแร่
แร่ธาตุและสารประกอบอินทรีย์เฉพาะในน้ำแร่ธรรมชาติแต่ละประเภทอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
เสริมสร้างสุขภาพกระดูก
แคลเซียมถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างและบำรุงกระดูกให้สมบูรณ์แข็งแรง น้ำแร่แคลเซียมหรือน้ำแร่ที่มีปริมาณแคลเซียมมากกว่า 150 มิลลิกรัม/ลิตร จึงเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มคนที่ต้องการแคลเซียมในปริมาณมาก เพื่อใช้ในกระบวนการทำงานของระบบกระดูก อย่างเด็ก สตรีมีครรภ์ สตรีวัยหมดประจำเดือน และผู้สูงอายุ นอกจากนั้น น้ำแร่ที่มีส่วนประกอบของไบคาร์บอเนตและแมกนีเซียมก็อาจมีประสิทธิภาพในด้านนี้เช่นกัน
เพิ่มสมรรถภาพทางกายขณะออกกำลังกาย
กล่าวกันว่าโซเดียมคาร์บอเนตมีประโยชน์ต่อผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ สลับกับการออกกำลังกายเบา ๆ รวมถึงการปั่นจักรยาน การวิ่ง การว่ายน้ำ หรือการเล่นกีฬาประเภททีม โดยจะเห็นผลช่วงใกล้จบการแข่งขันหรือใกล้หมดเวลาการออกกำลังกาย น้ำแร่ไบคาร์บอเนตยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเกลือแร่หลังการออกกำลังกาย การดื่มน้ำแร่ชนิดนี้ในปริมาณ 500-700 มิลลิลิตร ก่อนเริ่มเล่นกีฬาจึงอาจลดโอกาสในการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดได้ แต่จำต้องมีการศึกษาประโยชน์ในด้านนี้ต่อไป
ลดระดับความดันโลหิต
นอกเหนือจากส่งเสริมสุขภาพกระดูกแล้ว แคลเซียมและแมกนีเซียมนั้นส่งผลระดับความดันโลหิตด้วย โดยมีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า การดื่มน้ำแร่ที่มีแคลเซียมและแมกนีเซียมในปริมาณมากอาจช่วยลดระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงอย่างเห็นได้ชัด แต่งานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นยังได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาน้ำแร่และคุณสมบัติด้านการลดความดันโลหิตเพิ่มเติมในอนาคต
บรรเทาอาการท้องผูก
ผลการวิจัยหลายชิ้นเผยว่า น้ำแร่แมกนีเซียมหรือน้ำแร่ที่มีปริมาณแมกนีเซียมมากกว่า 50 มิลลิกรัม/ลิตร อาจช่วยป้องกันและรักษาอาการท้องผูก เช่นเดียวกันกับน้ำแร่ซัลเฟตหรือน้ำแร่ที่มีปริมาณซัลเฟตมากกว่า 200 มิลลิกรัม/ลิตร อาจไปช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง จึงส่งผลให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายออกมาได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ น้ำแร่ประเภทต่าง ๆ ยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมาก เช่น น้ำแร่ซัลเฟอร์และไบคาร์บอเนตจะช่วยรักษาโรคเบาหวานและลดภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน น้ำแร่ธาตุเหล็กจะช่วยบรรเทาอาการของโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กหรือภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากต้องการดื่มน้ำแร่เพื่อการรักษาโรคโดยตรง ผู้บริโภคควรรองานวิจัยเพิ่มเติมที่พิสูจน์ประโยชน์ของน้ำแร่ในแต่ละด้านให้แน่ชัดเสียก่อน
ข้อควรระวังในการดื่มน้ำแร่
โดยทั่วไป การดื่มน้ำแร่ถือว่าปลอดภัยและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางกลุ่มควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำแร่บางประเภทเพราะอาจกลับกลายเป็นผลเสียได้ เช่น
- ผู้ที่มีอาการบวมน้ำ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่หัวใจทำงานได้ไม่ดีไม่ควรดื่มน้ำแร่
- ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรดื่มน้ำแร่ที่มีปริมาณโซเดียมสูงและน้ำแร่เกลือโซเดียมคลอไรด์
- ผู้ที่มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารปริมาณมากและแผลในกระเพาะอาหารไม่ควรดื่มน้ำแร่เกลือโซเดียมคลอไรด์
- ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจที่มีภาวะหลอดลมหดเกร็งไม่ควรดื่มน้ำแร่ซัลเฟอร์
- ผู้ป่วยภาวะ Gastric Hypochilia ไม่ควรดื่มน้ำแร่ไบคาร์บอเนต
- ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหารและมีแผลในทางเดินอาหารไม่ควรดื่มน้ำแร่ซัลเฟต
ยิ่งไปกว่านั้น การดื่มน้ำแร่ชนิดมีฟอง (Sparkling Mineral Water) ซึ่งมีความเป็นกรดมากกว่าน้ำแร่ปกติอาจทำให้เคลือบฟันเสียหายได้เล็กน้อย อีกทั้งยังอาจเกิดการปนเปื้อนสารตกค้างอย่างไมโครพลาสติกหรือเม็ดพลาสติกขนาดเล็กมากในขวดบรรจุภัณฑ์ แต่จากหลักฐานข้อมูลที่มีจำกัดขององค์การอนามัยโลกนั้นพบว่ายังไม่เป็นที่น่ากังวลต่อสุขภาพ
สุดท้ายนี้ เนื่องจากร่างกายคนเราสามารถรับแร่ธาตุที่จำเป็นได้จากหลายช่องทางโดยไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำแร่เสมอไป เช่น การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างผักผลไม้ ควรทำให้อาหารสุกด้วยวิธีการนึ่งเพื่อช่วยคงคุณค่าทางอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน รวมถึงรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มน้ำแร่สามารถดื่มน้ำสะอาดที่กรองผ่านเครื่องกรองน้ำหรือผ่านการต้มมาแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายไม่แพ้กัน