ผู้ที่มีปากดำ คือ ผู้ที่มีริมฝีปากสีเข้มหรือคล้ำกว่าคนทั่วไป อาจมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่ การสัมผัสแสงแดด หรือการใช้ลิปสติก อาการปากดำอาจมีวิธีดูแลให้รอยคล้ำจางลง และช่วยให้ริมฝีปากกลับมาเนียนนุ่มสวยเป็นปกติอีกครั้งได้ด้วยตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งการรักษาใด ๆ
ปากดำ เกิดจากอะไร ?
ปากดำอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- กรรมพันธุ์ หรือเชื้อชาติ เม็ดสีในร่างกายมีหน้าที่ทำให้ผิวหนังเป็นสีต่าง ๆ ซึ่งเม็ดสีผิวของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติหรือกรรมพันธุ์ เช่น หากพ่อแม่มีปากดำ บุตรหลานก็มีแนวโน้มปากดำเช่นกัน
- บุหรี่ สารประกอบหนึ่งในบุหรี่ คือ นิโคติน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว จนอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงริมฝีปากไม่เพียงพอและเกิดอาการปากดำ นอกจากนี้ นิโคตินยังอาจก่อตัวเป็นคราบอยู่บริเวณริมฝีปากและทำให้ปากดำได้เช่นกัน
- แสงแดด หากสัมผัสรังสี UV จากแสงแดดมากเกินไป ร่างกายจะป้องกันตนเองด้วยการผลิตเม็ดสีสีดำออกมา หรือที่เรียกว่าเม็ดสีเมลานิน (Melanin) หากผลิตออกมามากเกินไป เม็ดสีเมลานินจะมีสีเข้มขึ้นจนทำให้ปากเป็นสีดำ
- สารในลิปสติก ในลิปสติกมักประกอบไปด้วยสารหลายชนิด เช่น ไอโซปาล์มมิทิว ไดกลีเซอริล ซีเบเคต กรดริซิโนเลอิก กรดไขมันไดเพนตะอิรีไทรทอล สารเอสเทอร์ เอสเทอร์กัม และสารสีกลั่นจากปิโตรเลียม เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้อาจทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ อักเสบ และระคายเคืองบริเวณริมฝีปาก จนทำให้ปากเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำได้
- โรคพิวทซเจคเกอร์ซินโดรม (Peutz-Jeghers Syndrome) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งส่งผลต่อเม็ดสีในร่างกายของผู้ป่วย ทำให้เกิดจุดสีดำขึ้นในบริเวณต่าง ๆ เช่น นิ้ว ปาก หรือริมฝีปาก เป็นต้น
- ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือยาต้านมาลาเรีย อาจเพิ่มปริมาณเม็ดสีเมลานินในร่างกายให้สูงขึ้น จนทำให้ปากดำคล้ำได้
- ชาเขียว ในชาชนิดนี้มีสารนิกเกิลปริมาณมาก ดังนั้น การบริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีชาเขียวเป็นส่วนผสม อาจทำให้เกิดอาการแพ้บริเวณริมฝีปากจนปากดำได้
ปากดำ ทำอย่างไรดี ?
เนื่องจากปากดำเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงควรหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน หากพบว่าเกิดจากอาการเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เพราะในบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ส่วนการดูแลและป้องกันอาการปากดำ อาจปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่อาจเป็นสาเหตุทำให้ปากดำ ทำลายเซลล์สุขภาพดี ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย และเสี่ยงเกิดโรคร้ายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากอาการปากดำตามมาได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เพราะผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันบางอย่าง เช่น น้ำยาบ้วนปาก หรือยาสีฟัน อาจมีส่วนประกอบของนิกเกิล ชาเขียว หรือสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้อื่น ๆ ได้ ผู้ใช้จึงควรศึกษาส่วนประกอบและข้อมูลผลิตภัณฑ์บนฉลากอย่างละเอียดก่อนเสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกที่ทำให้แพ้ เพราะสารต่าง ๆ ในลิปสติกอาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และอาจต้องใช้เวลานานนับปีกว่าเม็ดสีที่ทำให้ปากดำจะจางลง หรือเม็ดสีนั้นอาจไม่จางลงจนกลับเป็นปกติได้อีก
- ใช้ลิปสติกที่ป้องกันรังสี UV ผิวหนังบริเวณริมฝีปากต้องการการปกป้องจากแสงแดดเช่นเดียวกันกับผิวหนังร่างกายส่วนอื่น ๆ ดังนั้น ควรเลือกใช้ลิปสติกที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่านั้น และควรหลีกเลี่ยงลิปสติกที่เป็นปิโตรเลียมเจล เบบี้ออยล์ และลิปกลอสที่มีความเงาสูง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้เมื่อสัมผัสแสงแดด
- สักริมฝีปาก เป็นการเสริมความงามแบบถาวรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะการสักริมฝีปากไม่เพียงแต่ปกปิดปากดำได้ แต่ยังช่วยกลบรอยแผลเป็น และอาจทดแทนการใช้ลิปสติก เพื่อลดความเสี่ยงจากสารในลิปสติกได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะสักริมฝีปากควรปรึกษาศัลยแพทย์ด้านความงามให้ดีก่อน ควรคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัก เช่น การติดเชื้อ หรืออาการแพ้ต่อสีที่ใช้สัก เป็นต้น