ปากแห้ง แตก ลอก แก้ได้ด้วยวิธีธรรมชาติ

หลายคนมักจะมีอาการปากแห้งอยู่บ่อยครั้งจากการสัมผัสกับสภาพอากาศที่หลากหลาย ทำให้ริมฝีปากของคุณแห้ง เจ็บ มีรอยแตก ลอกเป็นแผ่น หากบางคนที่ปากแห้งมากอาจเกิดการระคายเคืองหรือรู้สึกเจ็บปวดได้เช่นกัน โดยในบทความนี้จะมาแนะวิธีดูแลริมฝีปากที่แห้ง แตก ลอก ให้กลับมาเนียนนุ่มอีกครั้ง 

อาการปากแห้งจะทำให้ผิวของริมฝีปากกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าหนาวหรือช่วงที่มีอากาศแห้ง และนอกเหนือจากสภาพอากาศก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดอาการปากแห้งได้ เช่น น้ำลาย เครื่องสำอาง การรับประทานอาหาร โรคผิวหนัง หรือการใช้ยาบางชนิด เป็นต้น

ปากแห้ง

เคล็ดลับแก้ปากแห้งแบบธรรมชาติ

หากคุณเป็นคนริมฝีปากแห้งอยู่บ่อย ๆ ก่อนการบำรุงควรเริ่มจากการสครับริมฝีปาก เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกเสียก่อน โดยนำเกลือหรือน้ำตาลผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำมาขัดผิวบริเวณริมฝีปากที่แห้งเป็นขุยหรือแผ่น หลังจากสครับริมฝีปากเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปจะเป็นการบำรุงริมฝีปาก เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการแห้งของผิวบริเวณริมฝีปากได้ โดยวัตถุดิบใกล้ตัวที่มีคุณสมบัติช่วยแก้ปากแห้งได้ เช่น

น้ำมันมะพร้าว

เนื่องจากผิวบริเวณริมฝีปากมีเกราะป้องกันผิวที่บางเบากว่าผิวในบริเวณอื่นของร่างกาย น้ำมันมะพร้าวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผิว รวมทั้งอาจมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและต้านการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับอาการปากแห้ง โดยวิธีการใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อแก้อาการปากแห้ง คือ นำแผ่นสำลีหรือนิ้วสะอาดปาดน้ำมันมะพร้าวแล้วทาลงบนริมฝีปากในปริมาณที่ต้องการ โดยสามารถทำได้ตลอดวันหรือทุกเวลาที่ต้องการ

ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณในการกักเก็บความชุ่มชื้น ต้านอาการอักเสบ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะซึมเข้าสู่ผิวและช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นบริเวณผิวริมฝีปาก ในขั้นแรกให้นำส่วนใบของว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก คว้านส่วนที่เป็นเนื้อวุ้นออกมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาทาบริเวณริมฝีปาก โดยให้ทาวันละ 2-3 ครั้ง เนื่องจากในว่านหางจระเข้มีเอนไซม์อ่อน ๆ ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ แต่หากไม่สะดวกในการใช้ว่านหางจระเข้แบบสด ก็ยังมีผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้ในรูปแบบเจลที่สามารถใช้ทาบริเวณปากได้เช่นกัน ซึ่งก่อนการใช้ควรอ่านคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย 

น้ำผึ้ง

นอกเหนือจากการใช้เป็นส่วนผสมในขั้นตอนการขัดเซลล์ผิวเก่าออกจากริมฝีปาก น้ำผึ้งสามารถใช้แก้อาการปากแห้งได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการติดเชื้อบริเวณที่มีรอยแตก ซึ่งการใช้น้ำผึ้งเพื่อแก้อาการปากแห้งทำได้โดยใช้แผ่นสำลีหรือนิ้วสะอาดปาดน้ำผึ้ง จากนั้นนำมาทาลงบนริมฝีปาก โดยสามารถทำได้ตลอดทั้งวันหรือในเวลาที่ต้องการ แต่ผู้ที่มีอาการแพ้เกสรดอกไม้และพิษผึ้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำผึ้งและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง 

อะโวคาโด

จากการศึกษาพบว่าอะโวคาโดมีคุณสมบัติในการทำงานที่คล้ายกับสารให้ความชุ่มชื้นและสารเพิ่มความเข้มข้นที่พบได้ในลิปมัน แต่เนื้ออโวคาโดนั้นไม่มีความมันเยิ้ม ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี มีส่วนประกอบของกรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด อะโวคาโดจึงเป็นอีกวัตถุดิบที่ช่วยบรรเทาอาการปากแห้งได้ เพียงนำอะโวคาโดสดมาบด จากนั้นใช้แผ่นสำลีหรือนิ้วสะอาดปาดแล้วนำมาทาลงบนริมฝีปากตามต้องการ หรืออาจใช้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของอะโวคาโดได้เช่นกัน

ปิโตรเลียมเจลลี่

ปิโตเลียมเจลลี่มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานกว่าน้ำมันหรือขี้ผึ้ง จึงอาจช่วยไม่ให้ผิวแห้งแตกได้ โดยทางสมาคมแพทย์ผิวหนังของสหรัฐอเมริกา (The American Academy of Dermatology: AAD) แนะนำว่าควรใช้ปิโตเลียมเจลลี่ทาริมผีปากในระหว่างวันและก่อนเข้านอน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและยับยั้งความแห้งกร้านของผิว รวมทั้งบรรเทาอาการริมฝีปากแตก

การป้องกันอาการปากแห้ง

เพื่อไม่ให้อาการปากแห้งกลับมา เราสามารถดูแลริมฝีปากได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ไม่ควรเลียหรือกัดริมฝีปาก เพราะน้ำลายจะระเหยอย่างรวดเร็วไวและอาจทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งมากกว่าเดิม
  • ทาลิปมันอย่างสม่ำเสมอ หากอยู่กลางแจ้งควรใช้ลิปมันที่มีส่วนผสมของสารกันแดด และหลีกเลี่ยงการใช้ลิปมันที่มีรสชาติกับเด็ก เพื่อป้องกันการเลียริมฝีปาก
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ สีย้อม การบูน เมนทอล หรือซาลิไซลิก แอซิด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความระคายเคือง
  • ไม่ควรหายใจทางปาก เนื่องจากลมที่ผ่านเข้าและออกอาจทำให้ริมฝีปากแห้งได้

หากอาการปากแห้งไม่หายไปในช่วง 2-3 สัปดาห์ ควรไปควรพบแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับการแพ้ ติดเชื้อรา หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเป็นผลมาจากความผิดปกติในร่างกาย อย่างภาวะกระแดด เป็นต้น