เมื่อตั้งครรภ์ ผลไม้คนท้องอาจเป็นสิ่งที่คุณแม่หลายคนมองหา เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายและจำเป็นต่อการตั้งครรภ์ การบริโภคผลไม้จะช่วยให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ โดยคุณแม่ควรศึกษาว่าผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนท้องมีอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีผลดีอย่างไร และควรรับประทานแบบไหนให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพครรภ์
ทำไมคนท้องจึงควรรับประทานผลไม้ ?
ระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่สามารถรับประทานผลไม้ได้ตามปกติ เพราะผลไม้เป็นแหล่งแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมทั้งอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยในการขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ได้ โดยคนท้องควรรับประทานผลไม้ให้ครบ 5 ส่วนต่อวัน
ผลไม้ที่เหมาะกับคนท้องมีอะไรบ้าง ?
- ส้ม เป็นผลไม้ที่มีโฟเลตสูง ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่ช่วยป้องกันความพิการทางสมองและประสาทของทารกในครรภ์ได้ และส้มยังอุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกายด้วย
- มะม่วง เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินเอซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์ หากขาดวิตามินเออาจนำไปสู่ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้ เช่น ท้องเสีย หรือติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น และมะม่วงยังเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอีกด้วย โดยมะม่วงเพียง 1 ถ้วยมีวิตามินซีถึง 100% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
- กล้วย เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย เช่น โพแทสเซียม วิตามินบี 6 วิตามินซี และไฟเบอร์ เป็นต้น ซึ่งช่วยแก้ปัญหาท้องผูกและอาการคลื่นไส้อาเจียนระหว่างตั้งครรภ์ได้
- แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยไฟเบอร์ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยมีการศึกษาพบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลในระหว่างตั้งครรภ์อาจช่วยลดโรคหอบหืดและภูมิแพ้ในเด็กได้ นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และโพแทสเซียม ซึ่งสำคัญต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์เช่นกัน
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต วิตามินซี ไฟเบอร์ โฟเลต รวมทั้งฟลาโวนอยด์และแอนโทรไซยานิน ซึ่งเหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ส่วนคุณแม่ที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การรับประทานเบอร์รี่จะช่วยให้ได้รับพลังงานมากขึ้นและยังส่งผ่านทางรกไปเลี้ยงทารกในครรภ์ได้ดี เพราะคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในเบอร์รี่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนซึ่งมีประโยชน์มากกว่าคาร์โบไฮเดรตที่มีในขนมหวานจำพวกเค้ก โดนัท หรือคุกกี้
- อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีโฟเลตสูงกว่าผลไม้หลายชนิด และเป็นแหล่งวิตามินซี วิตามินบี วิตามินเค ไฟเบอร์ โคลีน แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะแมกนีเซียมและโพแทสเซียมที่ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และตะคริวที่ขา หรือโคลีนที่ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารก
- มะนาว ผลไม้รสเปรี้ยวอุดมด้วยวิตามินซี ช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และบรรเทาอาการท้องผูก แต่ก็ควรระมัดระวังเพราะน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดและอาจทำลายผิวเคลือบฟัน ดังนั้น ควรบ้วนปากหลังรับประทานทุกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีผลไม้อีกหลายชนิดที่เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งควรหามารับประทานเสริมจากอาหารหลักในแต่ละมื้อ เช่น แคนตาลูป สับปะรด มะละกอ ฝรั่ง แตงโม เกรปฟรุต องุ่น กีวี่ ลูกแพร์ ลูกพลับ หรือมะขาม เป็นต้น
เคล็ดลับในการรับประทานผลไม้คนท้อง
วิธีการดังต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณแม่สามารถรับประทานผลไม้ได้มากเพียงพอตามที่ต้องกา
- วางผลไม้ไว้ใกล้ตัว คุณแม่สามารถล้างผลไม้และวางในชามใกล้ตัวเพื่อรับประทานเป็นของว่างได้ง่ายขึ้น
- นำมาปรุงเป็นเมนูอาหาร เพื่อหลีกหนีความซ้ำซากจำเจ การนำผลไม้ที่ชอบมาทำเป็นอาหารหรือของว่างอย่างสลัดก็ช่วยให้คุณแม่รับประทานผลไม้ได้มากขึ้นด้วย
- รับประทานกับโยเกิร์ตหรือน้ำสลัด เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์ที่หลากหลายขึ้น การนำผลไม้ที่ชอบไปจิ้มกับโยเกิร์ตก่อนรับประทานก็จะช่วยให้ได้โปรตีนจากโยเกิร์ตเพิ่มขึ้น หรืออาจนำผลไม้ไปจิ้มกับน้ำสลัดรสชาติต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่
- ทำเป็นเครื่องดื่ม หากไม่สะดวกในการรับประทาน อาจนำผลไม้มาทำเป็นสมูทตี้หรือน้ำผลไม้แทน
- รับประทานผลไม้อย่างหลากหลาย เพื่อคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน คุณแม่ควรรับประทานผลไม้ที่หลากหลาย ไม่ควรรับประทานผลไม้ชนิดเดิมซ้ำ ๆ แต่ควรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้รู้สึกจำเจ
ข้อควรระวังในการรับประทานผลไม้คนท้อง
ขณะตั้งครรภ์ หากต้องการรับประทานผลไม้สดก็ควรล้างให้สะอาดก่อน เพื่อป้องกันสารตกค้างและเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อแม่และทารก หากต้องการดื่มน้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่คั้นสดและไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ คุณแม่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อทั้งแม่และเด็ก ดังนั้น ควรเลือกดื่มน้ำผลไม้ที่ผ่านการฆ่าเชื้อและบรรจุในขวดหรือกระป๋องมิดชิด เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย