พริกชี้ฟ้าเป็นส่วนประกอบของอาหารไทยหลายชนิด ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อนและจัดจ้านที่ทำให้หลายคนชื่นชอบ จึงเลือกพริกชนิดนี้มาปรุงอาหาร นอกเหนือจากรสชาติอันโดดเด่นนี้แล้ว พริกชี้ฟ้ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในแบบที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน
รสชาติเผ็ดร้อนของพริกชี้ฟ้าเกิดจากสารที่ชื่อว่า แคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเชื่อกันว่าอาจมีประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งยังนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมสำหรับรักษาโรคบางโรคด้วย นอกจากนี้ พริกชี้ฟ้ายังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ในปริมาณเพียง 5 กรัม อาจได้รับวิตามินเอถึง 44 เปอร์เซ็นต์ของวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ส่วนประโยชน์อื่น ๆ ของพริกชนิดนี้จะมีอะไรบ้าง ติดตามได้จากในบทความนี้
ประโยชน์ของพริกชี้ฟ้า
นอกจากรสชาติความเผ็ดร้อนที่หลายคนติดใจแล้ว พริกชี้ฟ้ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
บรรเทาอาการปวด
สารแคปไซซินมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวด โดยช่วยยับยั้งสารซับสแตนซ์พี (Substance P) หรือสารกระตุ้นความรู้สึกปวดที่ส่งไปยังสมองให้น้อยลง จึงส่งผลให้ความรู้สึกปวดลดลง ด้วยเหตุนี้ สารแคปไซซิน
มักจะพบได้ในครีมทาบรรเทาอาการปวดหลายยี่ห้อ ซึ่งอาจเลือกใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดท้่วไปได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ก่อนการใช้ควรปรึกษาเภสัชกรถึงวิธีการใช้และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีแผลหรือเป็นโรคผิวหนังอยู่ก่อนแล้ว
ควบคุมน้ำหนัก
ประโยชน์ของพริกชี้ฟ้าในข้อนี้อาจเป็นตัวช่วยให้หลาย ๆ คนที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักมีตัวเลือกในการรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น สำหรับสาเหตุที่พริกชนิดนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อการคุมน้ำหนัก เพราะจากการศึกษาพบว่าสารแคปไซซินในพริกชนิดนี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ซึ่งอาจช่วยในการลดน้ำหนักและป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ สารแคปไซซินอาจช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่หิวระหว่างวันและช่วยให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งให้อาสาสมัครรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารแคปไซซิน ผลพบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นกว่าปกติ ทำให้รับประทานน้อยลงและได้รับพลังงานลดลงไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ ใครที่กำลังทำอาหารลดน้ำหนักอาจลองเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนของพริกชี้ฟ้าเข้าไปด้วย เพราะนอกจากจะได้รับทั้งความอร่อยแล้ว ยังอาจได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย อย่างไรก็ตาม การศึกษาดังกล่าวมีจำนวนของผู้เข้าร่วมน้อยและทดลองในระยะเวลาสั้น จึงควรรอผลการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสรรพคุณช่วยลดความหิวและกระตุ้นการเผาผลาญของพริกชี้ฟ้า
บรรเทาอาการคันจากโรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายผิดปกติ โรคนี้มักจะทำให้เกิดผื่นแดงคันและผิวแห้งลอก สารแคปไซซินในพริกชี้ฟ้านั้นมีสรรพคุณบรรเทาอาการคัน โดยกลไกการออกฤทธิ์จะคล้ายกับการบรรเทาอาการปวด คือ ช่วยยับยั้งซับสแตนซ์พีที่เป็นสารสื่อประสาทให้ไปยังสมองน้อยลง จึงทำให้รู้สึกว่าอาการคันลดลง จึงมีการศึกษางานหนึ่งให้ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินทดลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของแคปไซซิน ผลพบว่าผู้ป่วยมีอาการคันลดลงและพบผลข้างเคียงเล็กน้อย อย่างอาการแสบร้อนในบริเวณที่ทา ซึ่งเป็นอาการชั่วคราวที่ไม่เป็นอันตรายและหายได้เอง จึงพอบอกได้ว่าครีมที่มีส่วนประกอบของสารแคปไซซินจากพริกชี้ฟ้าก็อาจเป็นประโยชน์ต่อการบรรเทาอาการคันจากโรคสะเก็ดเงิน
รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจว่าการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและแผลในกระเพาะอาหาร แต่จากการศึกษาพบว่าสารแคปไซซินสามารถช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดแผลในกระเพาะได้ โดยเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวมักไปกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดมากผิดปกติและลดการไหลเวียนของเลือดภายในผนังลำไส้ จึงทำให้ลำไส้เสียสมดุลและเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งสารแคปไซซินนั้นจะช่วยยับยั้งการหลั่งกรดเกินและเพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยให้แผลในกระเพาะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเผ็ดจัดมาก ๆ ก็อาจทำให้รู้สึกแสบท้องได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่พบว่าพริกชนิดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการหวัด ลดความดันเลือด และต้านโรคมะเร็งได้ แต่การศึกษาในเรื่องเหล่านี้ยังมีค่อนข้างน้อยและจำกัด จึงควรรอผลการศึกษาเพิ่มเติมถึงสรรพคุณดังกล่าว
แม้ว่าพริกชี้ฟ้าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายและให้รสชาติที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แต่การรับประทานมากเกินพอดีก็อาจทำให้แสบท้องหรือเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้เช่นกัน รวมไปถึงการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของแคปไซซินสำหรับการทาบนผิวหนังก็ควรเพิ่มความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เกิดการระเคืองคายในบางคนได้ นอกจากนี้แล้ว ผู้ที่ใช้ยาลดความดันและยาเจือจางเลือด (Blood Thinner) อาจมีข้อจำกัดในการรับประทานอาหารหรือสารในพริกชี้ฟ้า จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอเพื่อความปลอดภัย