มัลติวิตามิน (Multivitamins) มีประโยชน์อย่างไร จำเป็นหรือไม่

หลายคนเชื่อว่าการรับประทานมัลติวิตามิน (Multivitamins) หรือวิตามินรวมเป็นประจำจะช่วยให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น ฟื้นฟูร่างกายสำหรับคนที่เจ็บป่วยง่ายและพักผ่อนน้อย ซึ่งอาจช่วยป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ในระยะยาว 

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และธัญพืชขัดสีน้อย จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพออยู่แล้ว แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบทำให้บางคนได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในแต่ละวัน การรับประทานมัลติวิตามินอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพได้ เพียงแต่ต้องเลือกใช้อย่างถูกวิธี

มัลติวิตามิน (Multivitamins) มีประโยชน์อย่างไร จำเป็นหรือไม่,อาหารเสริม,วิตามินรวม

มัลติวิตามินคืออะไร มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร

มัลติวิตามินหรือวิตามินรวมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อชดเชยสารอาหารที่ขาดหายไปในคนที่มีปัญหาสุขภาพ หรือรับประทานอาหารปกติที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่เพียงพอ ซึ่งมัลติวิตามินที่วางขายในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ เช่น ชนิดเม็ด ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ดฟู่ ชนิดผง และชนิดเม็ดเคี้ยว (Gummy) โดยบนฉลากผลิตภัณฑ์จะระบุปริมาณวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

มัลติวิตามินแต่ละยี่ห้อจะประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ต่างกัน โดยทั่วไปมักประกอบด้วย

  • วิตามินกลุ่มที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินบีและวิตามินซี ซึ่งมักไม่สะสมในร่างกายและมักไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมา เพราะเมื่อดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ส่วนที่เหลือจะถูกกำจัดออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ
  • วิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค เป็นกลุ่มที่ต้องอาศัยอาหารประเภทไขมันในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งไม่สามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ หากได้รับมากเกินไปจะสะสมในร่างกายและส่งผลเสียต่อสุขภาพ
  • แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก โฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี และทองแดง การได้รับแร่ธาตุมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพได้เช่นกัน

มัลติวิตามินบางชนิดอาจมีสารอาหารอื่นที่เหมาะกับผู้รับประทานบางกลุ่มที่ต้องการสารอาหารเพิ่มเติม เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ 

มัลติวิตามินอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบ เช่น 

  • เบต้าแคโรทีนและแคโรทีนอยด์ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก และดูแลระบบภูมิคุ้มกัน 
  • วิตามินซีช่วยในการสร้างคอลลาเจนและต่อต้านอนุมูลอิสระ 
  • วิตามินดีช่วยบำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ และช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี
  • กรดโฟลิก (Folic Acid) ช่วยป้องกันภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural Tube Defects) ในทารก ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์

อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยในปัจจุบันยังไม่พบว่าการรับประทานมัลติวิตามินสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง หัวใจขาดเลือด (Heart Attack) โรคหลอดเลือดสมอง การเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งไม่สามารถชะลอความเสื่อมถอยของความจำและสมรรถภาพทางจิต (Mental Skills) ได้

การรับประทานมัลติวิตามินจำเป็นกับใครบ้าง

คนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้ในแต่ละวัน ไม่จำเป็นต้องรับประทานมัลติวิตามิน แต่คนบางกลุ่มที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากปัญหาสุขภาพหรือพฤติกรรมการรับประทานอาหารในบางช่วงเวลาอาจต้องรับประทานมัลติวิตามิน เช่น

  • เด็กที่มีพัฒนาการการเติบโตช้ากว่าวัย มีโรคเรื้อรัง มีอาการแพ้อาหาร หรือรับประทานอาหารมังสวิรัติที่อาจทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ 
  • ผู้สูงอายุ เพราะร่างกายจะดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดได้ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น เช่น วิตามินบี 12 แคลเซียม วิตามินดี และแมกนีเซียม
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ต้องการสารอาหารหลายชนิดมากเป็นพิเศษ เช่น ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิกที่พบในมัลติวิตามินบางชนิด ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ช่วยป้องกันความผิดปกติของทารกและการเสียชีวิตในครรภ์
  • ผู้ที่รับประทานอาหารที่ทำจากพืชเป็นหลัก (Plant-Based Diets) และมังสวิรัติและวีแกน (Vegan) ซึ่งอาจได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอ เช่น วิตามินบี 12 วิตามินดี แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี และกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม
  • ผู้ที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ และผู้มีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมสารอาหาร เช่น โรคเซลิแอค ลำไส้อักเสบ โรคพิษสุราเรื้อรัง และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดลำไส้  
  • ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดอาจทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุสำคัญไป เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม หรือตัวยาไปยับยั้งการดูดซึมของสารอาหารเหล่านั้น

ในช่วงแรกที่เริ่มการรับประทานมัลติวิตามินอาจเกิดผลข้างเคียงทั่วไป เช่น ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ ท้องผูก และท้องเสีย ซึ่งอาการจะดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัวกับการรับประทานมัลติวิตามินได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ หลังรับประทานมัลติวิตามิน เช่น เลือดกำเดาไหล ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หรือมีอาการแพ้ ควรหยุดรับประทานและรีบไปพบแพทย์

ทั้งนี้ ไม่ควรซื้อมัลติวิตามินมารับประทานเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการรับประทาน ปัญหาสุขภาพและยาที่ใช้อยู่ โดยรับประทานตามระยะเวลา และปริมาณที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างเคร่งครัด เพราะการได้รับวิตามินที่มากกว่าปริมาณแนะนำอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้