หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือไม่ได้ตั้งใจแล้ว ผู้หญิงบางคนอาจไม่รู้ว่ายาคุมฉุกเฉินกินตอนไหนถึงจะปลอดภัยต่อร่างกาย แถมยาคุมฉุกเฉินก็มีหลายชนิดให้เลือกใช้จึงอาจทำให้หลายคนสับสนได้ บทความนี้จะช่วยคลายความสงสัยและความวิตกกังวลไปพร้อมกัน
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่ายาคุมฉุกเฉินชนิดเม็ดนั้นไม่ใช่ยาที่ทำให้แท้งบุตร แต่กลไกหลักจะช่วยชะลอหรือป้องกันไข่ตกในช่วงวันตกไข่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น หมายความว่าหากไข่ไม่ตกตามปกติ อสุจิก็ไม่อาจปฏิสนธิกับไข่ได้ จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์ตามมานั่นเอง นอกจากนี้ ยังอาจมีส่วนช่วยป้องกันการฝังตัวที่ผนังมดลูกอีกด้วย
ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน
ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหนเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย คำตอบคือควรกินในกรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือไม่ตั้งใจ เกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น หรือลืมกินยาคุมกำเนิดชนิด 21 หรือ 28 เม็ด
โดยควรกินยาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะตัวยาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดหากรับประทานภายในระยะเวลาประมาณ 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งปล่อยเวลาทิ้งไปมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินจะยิ่งลดต่ำลงเท่านั้น โดยเฉพาะหากหลุดกรอบเวลาที่กำหนดไว้บนฉลากไปแล้ว
นอกจากนี้ น้ำหนักตัวมากหรือโรคอ้วนอาจส่งผลให้ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำลงด้วย หากพบสัญญาณที่บ่งบอกยาคุมฉุกเฉินอาจใช้ไม่ได้ผล อย่างประจำเดือนไม่มาตามเวลาปกติเกิน 1 สัปดาห์ ควรตรวจการตั้งครรภ์โดยเร็ว ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรโดยเร็ว
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่ใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด แต่ละชนิดจะมีปริมาณยา จำนวนเม็ดยา และระยะเวลาใช้ยาที่เหมาะสมต่างกันไป ดังนี้
1. ยาคุมฉุกเฉินที่มีตัวยาลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel)
ยาลีโวนอร์เจสเตรลเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ในกลุ่มโพรเจสติน (Progestins) ที่นิยมใช้กันในประเทศไทย โดยมีจำหน่ายใน 2 ปริมาณ ได้แก่
- ยาปริมาณ 1.5 มิลลิกรัม กินเพียง 1 ครั้ง ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์
- ยาปริมาณ 0.75 มิลลิกรัม กิน 2 ครั้ง โดยกินเม็ดที่ 1 ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นเว้นระยะห่าง 12 ชั่วโมง แล้วจึงกินเม็ดที่ 2
ในกรณีที่อาเจียนยาออกมาใน 2 ชั่วโมง ควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพราะอาจจำเป็นต้องกินยาคุมฉุกเฉินซ้ำ
2. ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive Pills: COCs)
ยาคุมฉุกเฉินชนิดนี้มีส่วนผสมของยาลีโวนอร์เจสเตรล 0.5 มิลลิกรัม และยาเอทินิลเอสตราไดออล (Ethinylestradiol) อีก 100 มิลลิกรัม แนะนำให้กินทั้งหมด 2 เม็ด โดยกินเม็ดที่ 1 ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นเว้นระยะห่าง 12 ชั่วโมง แล้วจึงกินเม็ดที่ 2
ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
การใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่มักปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเป็นประจำ เพราะยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนสูง หากใช้ในปริมาณที่กำหนดอาจพบผลข้างเคียงโดยเฉพาะในช่วง 2–3 วันหลังการใช้ยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ประจำเดือนคลาดเคลื่อน มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย
อีกทั้งคนที่รับประทานซ้ำหลายครั้งอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น เกิดความผิดปกติที่รังไข่หรือเยื่อบุโพรงมดลูก และอาจมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงขึ้นกว่าคนทั่วไป
นอกจากนี้ ยาคุมฉุกเฉินยังมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำกว่ายาคุมทั่วไปที่แผงละ 21 หรือ 28 เม็ด จึงไม่ควรใช้คุมกำเนิดบ่อย หรือใช้ในระยะยาว และแม้ว่าจะกินยาคุมถูกต้องถูกวิธีแล้ว ก็อาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน
นอกจากทราบแล้วว่ายาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน ยังมีข้อควรระวังอีกหลายประการที่ควรศึกษาก่อนใช้ยา หากมีข้อสงสัยในการใช้ยาคุมฉุกเฉินหรือวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ควรศึกษาและขอคำแนะนำจากเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย