หลายคนน่าจะเคยว่าได้เห็นข่าวเกี่ยวกับยาชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Molnupiravir หรือยาโมลนูพิราเวียร์กันมาบ้าง เนื่องจากยา Molnupiravir เป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 ที่กำลังพัฒนาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ท่ามกลางความสนใจของคนทั่วโลก
ยา Molnupiravir เป็นยาต้านโควิด-19 ชนิดรับประทานที่บริษัทเมอร์ค (Merck) พัฒนาร่วมกับบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเธราพิวติกส์ (Ridgeback Biotherapeutics) ซึ่งเดิมทีตั้งใจผลิตเพื่อเป็นยาที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ (Flu) โดยออกฤทธิ์ทำให้กระบวนการสร้างสายพันธุกรรมของไวรัสทำงานผิดปกติจนไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ แต่ในปัจจุบันยา Molupiravir ได้เริ่มนำไปพัฒนาและทดลองใช้ในผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพื่อจะนำมาใช้ในการรักษาจริงในอนาคต
ยา Molnupiravir กับโรคโควิด-19
การทดลองใช้ยา Molnupiravir ในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ยังอยู่ในช่วงการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มทดลองใช้ยากับกลุ่มผู้ป่วยจำนวนมากในหลายพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา
จากข้อมูลล่าสุดในวันที่ 29 ของการทดลองพบว่า การใช้ยา Molnupiravir ในผู้ป่วยโรคโควิด-19 อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตได้ประมาณ 50% เมื่อเทียบกับการใช้ยาหลอก
อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง เนื่องจากการทดลองนี้เป็นเพียงการทดลองที่ถูกทำขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มที่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้น เช่น
- ผู้ป่วยที่อายุ 18 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง
- ผู้ป่วยที่ตรวจพบการติดเชื้อโคโรนาไวรัสภายในเวลา 5 วันหลังจากเริ่มแสดงอาการ หรือมีผลตรวจ PCR Test เป็นบวกไม่เกิน 5 วันก่อนการทดลอง
- ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงจากโควิด-19 หากเกิดการติดเชื้อขึ้น เช่น อายุ 60 ปีขึ้นไป มีภาวะอ้วน ป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจ เป็นต้น
- ผู้ป่วยชายที่ใช้ยานี้ต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือต้องคุมกำเนิดอย่างน้อย 4 วันหลังจากใช้ยานี้ครบโดสสุดท้าย และผู้ป่วยหญิงต้องไม่อยู่ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากงานวิจัยในปัจจุบันยังไม่รู้ว่าการใช้ยานี้จะส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ ซึ่งยังต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป
แม้การใช้ยา Molnupiravir จะอาจช่วยลดความรุนแรงหรืออัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในการศึกษา แต่อย่างที่ได้กล่าวไปว่าข้อมูลในปัจจุบันยังเป็นเพียงการทดลองในผู้ป่วยบางกลุ่มเท่านั้น และยังต้องทำการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยาต่อไป
การป้องกันตัวเองจากโรคโควิด-19 ที่เป็นต้นเหตุจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกที่พักอาศัย รักษาระยะห่างระหว่างผู้อื่น และหมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำเปล่า หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ
ข้อมูล ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564