ไข่ปลาคาเวียร์หรือไข่ปลาสเตอร์เจียน เป็นไข่ปลาขนาดเล็ก มีสีเขียวอ่อนหรือสีดำ มีรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ และอาจมีรสชาติคาวเล็กน้อยด้วย ไข่ปลาคาเวียร์ถือเป็นอาหารทานเล่นสุดหรูหราที่มักพบได้ในเมนูอาหารตะวันตกราคาแพง แต่นอกเหนือจากภาพลักษณ์ที่ดูหรูหราแล้ว ไข่ปลาคาเวียร์ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพบางประการที่คุณอาจยังไม่ทราบด้วย
ไข่ปลาคาเวียร์เป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ไข่ปลาคาเวียร์ 28 กรัมให้พลังงานประมาณ 75 แคลอรี่ ให้โปรตีนประมาณ 7 กรัม ให้ไขมันประมาณ 5 กรัม และให้คาร์โบไฮเดรตอีก 1 กรัม ยิ่งไปกว่านั้น ไข่ปลาคาเวียร์ยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 กรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งชนิดอีพีเอ (EPA) และชนิดดีเอชเอ (DHA) ซีลีเนียม ธาตุเหล็ก โซเดียม รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดด้วย
7 ประโยชน์ของไข่ปลาคาเวียร์ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ไข่ปลาคาเวียร์มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลายด้าน ดังนี้
1. เป็นแหล่งของสารอาหารที่สำคัญ
ไข่ปลาคาเวียร์ 1 ช้อนโต๊ะมีวิตามินบี 12 ประมาณ 3.2 ไมโครกรัม แคลเซียมประมาณ 44 มิลลิกรัม และธาตุเหล็กประมาณ 1.9 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยวิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและพัฒนาเซลล์เม็ดเลือดแดง แคลเซียมมีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูก และธาตุเหล็กมีส่วนสำคัญในการบำรุงเลือด
นอกจากนี้ไข่ปลาคาเวียร์ยังประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งชนิดอีพีเอ (Eicosapentaenoic: EPA) และชนิดดีเอชเอ (Docosahexaenoic: DHA) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ดีและมีประโยชน์ทั้งในด้านการบำรุงสมองและบำรุงสุขภาพหัวใจ
2. ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ
เนื่องจากไข่ปลาคาเวียร์อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งชนิดอีพีเอ (Eicosapentaenoic: EPA) และชนิดดีเอชเอ (Docosahexaenoic: DHA) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ดีและมีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพหัวใจ กรดไขมันโอเมก้า 3 จะมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตและปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จึงส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจโดยรวม และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ด้วย
3. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
ในไข่ปลาคาเวียร์มีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิว โดยอาจมีส่วนช่วยให้ผิวแข็งแรง ช่วยลดอาการผิวแห้งหยาบกร้าน หรือผิวเป็นขุยได้ จึงได้มีการนำไข่ปลาคาเวียร์มาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
งานวิจัยชิ้นหนึ่งซึ่งทำการศึกษาในเพศหญิงวัย 35–65 ปี จำนวน 35 คนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยให้ทดลองใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากไข่ปลาคาเวียร์เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าผิวหน้ามีความเรียบเนียนขึ้น รวมถึงความแห้งกร้านและริ้วรอยตีนกาก็ลดลงด้วย
4. ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
ในไข่ปลาคาเวียร์มีธาตุเหล็กในปริมาณมาก โดยไข่ปลาคาเวียร์ 1 ช้อนโต๊ะมีธาตุเหล็กประมาณ 1.9 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินบี 9 หรือโฟเลตด้วย ซึ่งทั้งธาตุเหล็กและวิตามินบี 9 มีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแข็งแรง การรับประทานไข่ปลาคาเวียร์จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคโลหิตจางได้นั่นเอง
5. ช่วยเสริมสร้างกระดูกและข้อต่อ
ไข่ปลาคาเวียร์เป็นแหล่งของโปรตีนและแคลเซียมปริมาณมาก โดยไข่ปลาคาเวียร์ 1 ช้อนชามีแคลเซียมมากถึง 44 มิลลิกรัม ซึ่งแคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่จะช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกในระยะยาว การรับประทานไข่ปลาคาเวียร์จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคข้ออักเสบและโรคกระดูกพรุนได้
6. อาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ในไข่ปลาคาเวียร์มีโปรตีน วิตามินเอ วิตามินอี ซีลีเนียม และกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยอาจช่วยเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยซ่อมแซมเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เสียหาย การได้รับสารอาหารเหล่านี้จากไข่ปลาคาเวียร์จึงอาจช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
7. อาจช่วยปรับปรุงภาวะเจริญพันธุ์ของเพศชาย
ในอสุจิจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดดีเอชเอ (Docosahexaenoic: DHA) เป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในภาวะเจริญพันธุ์ของเพศชาย การขาดกรดไขมันชนิดนี้อาจส่งผลให้อสุจิมีคุณภาพต่ำ และส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยากในเพศชายได้ ดังนั้น การได้รับกรดไขมันชนิดนี้จากไข่ปลาคาเวียร์จึงอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของอสุจิให้ดีขึ้นได้นั่นเอง
ไข่ปลาคาเวียร์กับข้อแนะนำในการรับประทาน
แม้ว่าคนทั่วไปจะสามารถรับประทานไข่ปลาคาเวียร์ได้อย่างปลอดภัยและไม่เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อร่างกาย แต่ก็ควรศึกษาข้อแนะนำในการรับประทาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น ดังนี้
- ไข่ปลาคาเวียร์มักใช้รับประทานเป็นอาหารว่างไม่ใช่อาหารหลัก โดยอาจใช้โรยบนขนมปัง เป็นส่วนผสมในสลัด หรือเป็นส่วนประกอบเสริมในเมนูอาหารแค่เพียง 1 ช้อนชาเท่านั้น
- ไข่ปลาคาเวียร์มีไขมันสูง จึงไม่ควรรับประทานในปริมาณมากหรือรับประทานบ่อยเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้
- ไข่ปลาคาเวียร์มักถูกหมักด้วยเกลือ โดยไข่ปลาคาเวียร์ 1 ช้อนโต๊ะอาจมีเกลือมากถึง 240 มิลลิกรัม จึงอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หากรับประทานเกลือในปริมาณที่มากเกินไป
- ผู้ที่แพ้ปลา ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่ปลาคาเวียร์ด้วย เพราะอาจเกิดอาการแพ้เช่นเดียวกัน
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่ปลาคาเวียร์ดิบ ควรรับประทานไข่ปลาคาเวียร์ที่ผ่านการปรุงสุกหรือพาสเจอไรส์แล้วเท่านั้น แต่ก็ควรรับประทานด้วยความระมัดระวัง
การรับประทานไข่ปลาคาเวียร์มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการก็จริง แต่งานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของไข่ปลาคาเวียร์บางชิ้นยังเป็นเพียงงานวิจัยขั้นต้นที่ต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาคำแนะนำในการรับประทานอย่างถี่ถ้วน และรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายตามมา