ยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ดเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งวิธีกินยาคุม 21 เม็ดนั้นมีทั้งระยะเวลาที่ต้องกินยาและระยะเวลาที่ต้องหยุดพักกินยาที่แตกต่างกันใน 1 รอบเดือน จึงควรศึกษาวิธีการกินยาคุมอย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด และป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงตามมา
นอกจากการใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยาคุมกำเนิดยังสามารถใช้รักษาปัญหาสุขภาพบางอย่างได้อีกด้วย เช่น อาการปวดท้องประจำเดือน อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ อาการปวดที่เกี่ยวข้องกับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือภาวะเนื้องอกในมดลูก ดังนั้น หากใช้ยาคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์และรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จักยาคุม 21 เม็ดและวิธีกินอย่างถูกต้อง
ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมและยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ดเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน โดยในยาคุม 21 เม็ด 1 แผงจะประกอบไปด้วยตัวยาฮอร์โมนทั้งหมด 21 เม็ด
โดยมีวิธีกินยาคุม 21 เม็ดตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เริ่มกินยาคุมเม็ดแรกในวันแรกที่เริ่มมีประจำเดือน หรือภายใน 5 วันหลังจากวันแรกที่เริ่มมีประจำเดือน
- กินยาคุมวันละ 1 เม็ดในเวลาเดิมทุกวัน ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 21 วัน
- เมื่อกินยาคุมครบ 21 วันแล้ว ให้หยุดกินยาคุมเป็นเวลา 7 วัน
- ในช่วงที่เริ่มหยุดกินยาคุมไปได้ประมาณ 1–3 วัน จะเป็นช่วงที่เริ่มมีประจำเดือน
- เมื่อหยุดกินยาคุมครบ 7 วันแล้วให้เริ่มกินยาคุมแผงใหม่ในวันถัดไป หรือที่เข้าใจง่าย ๆ คือเริ่มกินยาคุมแผงใหม่ในวันที่ 29 และกินยาคุมวันละ 1 เม็ดในเวลาเดิม ตามวิธีการเดิมต่อเนื่องทุกเดือนจนกว่าจะต้องการเลิกกินยาคุม
ข้อควรระวังในการกินยาคุม 21 เม็ด
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ควรระวังเมื่อกินยาคุม 21 เม็ด มีดังต่อไปนี้
- การใช้ยาคุมควรใช้ตามคำแนะนำบนฉลากหรือคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
- ในช่วง 7 วันแรกของการกินยาคุม ยาคุมอาจจะยังออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงควรใช้วิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย
- ในช่วง 2–3 เดือนแรกของการกินยาคุม อาจมีอาการปวดหัว คลื่นไส้ เจ็บหน้าอกหรือประจำเดือนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งเป็นผลข้างเคียงทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินยาคุม
- อาจเลือกกินยาคุมในช่วงเวลาก่อนนอน เพราะจะช่วยลดผลข้างเคียงอย่างอาการปวดท้องหรือคลื่นไส้ได้ หรือเลือกช่วงเวลาที่สะดวก ง่ายต่อการจดจำ ที่ทำให้สามารถกินยาในเวลาเดิมได้ทุกวันก็ได้เช่นกัน
- อาจใช้แอปพลิเคชันเตือนความจำในโทรศัพท์หรือจดบันทึกลงในปฏิทิน เพื่อช่วยไม่ให้ลืมเริ่มกินยาคุมแผงใหม่หลังจากหยุดกินยาเป็นเวลา 7 วัน
- หากลืมกินยาคุม ให้กินยาคุมทันทีที่นึกขึ้นได้ และใช้วิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นควบคู่ไปด้วยจนกว่าจะกินยาคุมเม็ดที่เป็นยาฮอร์โมนต่อเนื่องครบ 7 วัน
- หากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อของยาคุมหรือเลิกกินยาคุม ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนยี่ห้อของยาคุมหรือวิธีการเลิกกินยาคุมอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในผู้ที่กินยาคุมเพื่อรักษาโรคบางอย่าง
- เมื่อเลิกกินยาคุมจะสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ดังนั้นควรใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยรูปแบบอื่นทดแทนหากไม่ต้องการที่จะตั้งครรภ์
ทั้งนี้ ผู้ที่กินยาคุมควรเข้ารับการตรวจความดันโลหิตและตรวจสุขภาพทั่วไปเป็นประจำทุกปีด้วย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อร่างกาย เนื่องจากแม้จะมีโอกาสน้อย แต่การกินยาคุมต่อเนื่องอาจมีความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงหรือภาวะอ้วน