เสมหะ (Phlegm) เป็นสารคัดหลั่งหรือของเหลวชนิดหนึ่งที่อยู่ภายในระบบทางเดินหายใจ เช่น ช่องปาก ลำคอ โพรงจมูก และปอด ในช่วงที่สุขภาพแข็งแรงดี เสมหะจะดูใส มีปริมาณน้อย และมีหน้าที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในลำคอและดักจับสิ่งแปลกปลอม อย่างฝุ่นผงและเชื้อโรค แต่เมื่อระบบทางเดินหายใจผิดปกติจากการเจ็บป่วยก็อาจส่งผลให้ลักษณะของเสมหะเปลี่ยนไปจากเดิม
ความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอาการไอและมีเสมหะ ไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพได้ด้วย โดยในเบื้องต้นอาการเหล่านี้อาจบรรเทาได้ด้วยวิธีธรรมชาติและการใช้ยาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
เสมหะกับโรคที่พบได้บ่อย
โรคและความผิดปกติที่ส่งผลให้ร่างกายผลิตเสมหะมากขึ้นและทำให้เสมหะข้นหนืดกว่าปกติที่พบได้ทั่วไป เช่น
- โรคภูมิแพ้
- โรคไข้หวัด
- โรคไข้หวัดใหญ่
- โรคคออักเสบ
- โรคไซนัสอักเสบ
บางครั้งเสมหะเหล่านี้ก็สามารถเกิดขึ้นจากสาเหตุทั่วไปที่พบได้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน โดยอาจจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด การสูบบุหรี่ หรือการสูดดมสารเคมีจนทำให้ระบบทางเดินหายใจระคายเคือง นอกจากนี้ การมีเสมหะมากกว่าปกติเป็นเวลานานอาจเป็นสัญญาณของโรคเรื้อรัง อย่างโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคกรดไหลย้อน หรือโรคปอดชนิดอื่น ๆ ได้เช่นกัน
วิธีกำจัดเสมหะด้วยตนเอง
ปริมาณและความข้นหนืดของเสมหะที่มากขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตได้ ในเบื้องต้นอาจใช้วิธีธรรมชาติและการรับประทานยาเพื่อลดความข้นหนืดและปริมาณของเสมหะ ดังนี้
การกำจัดเสมหะด้วยวิธีธรรมชาติ
อาการไอ มีเสมหะ สามารถบรรเทาอาการด้วยตนเองได้ดังนี้
1. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ
ทางการแพทย์เชื่อกันว่าน้ำเกลือมีสรรพคุณในการทำความสะอาด ลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งการกลั้วคอเบา ๆ ด้วยน้ำเกลือประมาณ 30-60 วินาที อาจช่วยให้ลำคอชุ่มชื้นและเสมหะหลุดออกได้ง่ายขึ้น หากมีอาการเจ็บคอและคออักเสบร่วมด้วยก็อาจใช้น้ำเกลือช่วยบรรเทาการอักเสบภายในลำคอและการติดเชื้อได้
2. ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอต่อวัน โดยจิบน้ำเป็นประจำในระหว่างวันอาจช่วยลดความข้นเหนียวของเสมหะ ทำให้ขับออกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะน้ำอุ่นและน้ำอุณหภูมิห้อง นอกจากนี้ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมยังช่วยให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้เป็นปกติอีกด้วย
3. เพิ่มความชื้นภายในห้อง
อากาศที่แห้งและปริมาณความชื้นในอากาศที่น้อยกว่าปกติอาจส่งผลให้โพรงจมูกและลำคอขาดความชุ่มชื้นและเกิดการระคายเคือง เมื่อระบบทางเดินหายใจแห้งและระคายเคือง ร่างกายจะผลิตเสมหะมากขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นภายในลำคอ ในบางครั้งร่างกายอาจผลิตเสมหะมากเกินไปจนทำให้มีเสมหะติดค้างอยู่ในลำคอ ดังนั้น เพื่อป้องกันภาวะขาดความชุ่มชื้นภายในลำคอ อาจใช้เครื่องทำความชื้นหรือการเพิ่มความชื้นในอากาศด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความชื้นของอากาศภายในห้องควรคำนึงถึงสภาพอากาศในแต่ละฤดูด้วย
4. รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสมุนไพร
มีสมุนไพรหลายชนิดเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการต้านโรค บรรเทาการอักเสบในลำคอ รวมถึงลดปริมาณเสมหะ ไม่ว่าจะเป็นมะนาว ขิง ชะเอม กระเทียม กานพลู และน้ำผึ้ง จึงอาจเลือกรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีวัตถุดิบเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ แต่ควรระวังไม่ให้รสชาติจัดจนเกินไป เพราะอาจทำให้ระคายคอมากขึ้นได้ รวมทั้งควรรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม อย่างชาร้อน น้ำซุป หรืออาหารอ่อนที่เหมาะกับผู้ที่ไม่สบาย
5. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าการมีเสมหะอาจมีสาเหตุจากการระคายเคืองของระบบทางเดินหายใจ จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงหรือกระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น การสูบบุหรี่หรือการสูดดมควันบุหรี่ เป็นต้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็สามารถสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นควัน ละอองเกสรดอกไม้ หรือสารเคมี เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองและอาการแพ้
การกำจัดเสมหะด้วยการใช้ยา
นอกจากวิธีธรรมชาติแล้ว วิธีละลายเสมหะอาจใช้ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปได้ดังนี้
- ยาละลายเสมหะ (Mucolytics)
ยาละลายเสมหะมีสรรพคุณลดความข้นหนืด ยากลุ่มนี้ทั้งแบบออกฤทธิ์กับเสมหะ และออกฤทธิ์ปรับสมดุลของต่อมผลิตเสมหะโดยตรง ซึ่งช่วยยับยั้งและป้องกันการเกิดของเสมหะผิดปกติ ทั้งแบบที่ข้นเหนียวกว่าปกติและแบบที่เหลวเกินให้กลับมาอยู่ในระดับปกติได้ โดยตัวยาชนิดนี้ยังกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อในลำคอ ช่วยให้ขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยาละลายเสมหะบางชนิดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณในการลดอักเสบอีกด้วย - ยาขับเสมหะ (Expectorants)
ยาชนิดนี้ออกฤทธิ์เพิ่มความชุ่มชื้นภายในลำคอ ส่งผลให้เสมหะชุ่มชื้นและอ่อนตัวลง ทำให้ขับออกมาได้ง่ายขึ้น อีกทั้งตัวยายังช่วยกระตุ้นอาการไอเพื่อให้ร่างกายสามารถขับเสมหะออกมาได้มากขึ้น เมื่อร่างกายขับเสมหะออกแล้ว อาการไอและเสมหะจะบรรเทาลง อย่างไรก็ตาม ยาในกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดภาวะข้างเคียงอย่างระคายทางเดินอาหารหรือทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้
ยาที่ใช้ขจัดเสมหะนั้นมีหลายรูปแบบ อย่างยาน้ำชนิดไซรัปหรือน้ำเชื่อมที่นิยมใช้กันมากทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และยาขับเสมหะชนิดผงที่ใช้ผสมน้ำสะอาดแล้วดื่ม โดยทั้งยาชนิดน้ำเชื่อมและชนิดผงละลายน้ำอาจช่วยให้เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีปัญหาในการกลืนรับประทานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยาที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบอาจซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็วกว่าชนิดเม็ดและชนิดแคปซูล อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกชนิด โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
สุดท้ายนี้ อาการมีเสมหะเป็นครั้งคราวอาจไม่ได้เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง แต่หากลองทำตามวิธีละลายเสมหะด้วยตนเองในข้างต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหรือเป็นติดต่อกันนานเป็นเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด