สูตรหมักผมอาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยดูแลให้เส้นผมสวยสุขภาพดีได้ โดยอาจช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงแก่เส้นผม ทำให้ผมนุ่ม ฟื้นฟูผมเสีย เร่งผมยาว แก้ปัญหาผมแห้งหยาบ ผลัดเซลล์ผิวบนหนังศีรษะ หรือแม้แต่ขจัดรังแครังควานใจ ซึ่งการใช้สูตรหมักผมแต่ละแบบอาจมีข้อดีแตกต่างกันไปตามวัตถุดิบธรรมชาติที่นำมาใช้ แต่ก็ควรใช้สูตรหมักผมต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายอย่างอาการแพ้หรือการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้
สูตรหมักผมดี ๆ จากวัตถุดิบธรรมชาติ และข้อควรระวังต่าง ๆ มีดังนี้
สูตรไข่แดง
นำไข่แดงดิบผสมกับน้ำมันมะกอกให้เข้ากัน แล้วนำนิ้วมือชโลมส่วนผสมให้ทั่วหนังศีรษะจากโคนจรดปลายเส้นผม จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น
- ประโยชน์ ช่วยฟื้นฟูผมเสีย และช่วยเร่งผมยาวเมื่อใช้ทาลงบนหนังศีรษะ
- ข้อควรระวัง อาจต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าจะเห็นผลลัพธ์ของสูตรนี้ และผู้ที่มีอาการแพ้ไข่ห้ามใช้สูตรหมักผมไข่แดงเด็ดขาด
สูตรว่านหางจระเข้
ใช้เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ที่ขายตามร้านขายยาทั่วไป หรือนำเนื้อว่านหางจระเข้สดที่ตัดจากต้นมานวดให้ทั่วหนังศีรษะและเส้นผม หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำยาสระผมสูตรอ่อนโยน
- ประโยชน์ ช่วยแก้ปัญหาผมแห้งหยาบ ทำความสะอาดคราบมันที่ฝังลึกบนเส้นผม ช่วยเร่งผมยาว รวมถึงเสริมสร้างและซ่อมแซมสุขภาพเส้นผม
- ข้อควรระวัง ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ว่านหางจระเข้ทุกครั้ง โดยทาเจลหรือเนื้อว่านหางจระเข้บริเวณข้อมือด้านใน จากนั้นทิ้งไว้ 2 ชั่วโมงแล้วสังเกตสัญญาณอาการแพ้
สูตรแอปเปิ้ลไซเดอร์
หลังสระผมด้วยยาสระผมและครีมนวดผม นำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำสะอาดให้เข้ากันแล้วชโลมให้ทั่วศีรษะและเส้นผม จากนั้นทิ้งไว้ 2-3 นาที ก่อนล้างออกให้สะอาด
- ประโยชน์ ช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดด่างของเส้นผม ควบคุมเชื้อราและแบคทีเรีย ผลัดเซลล์หนังศีรษะ และขจัดรังแค
- ข้อควรระวัง หากบริเวณหนังศีรษะและเส้นผมมีอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นหลังจากใช้สูตรนี้ ให้เจือจางสูตรลง เลือกใช้สูตรนี้น้อยครั้ง หรือหยุดใช้ไปก่อน เพราะแอปเปิ้ลไซเดอร์มีส่วนผสมของกรดอะซิติก (Acetic Acid) หากใช้สูตรนี้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้หนังศีรษะและเส้นผมสูญเสียความสมดุล และอาจทำให้แสบร้อนหรือระคายเคืองหนังศีรษะได้ จึงควรเจือจางแอปเปิ้ลไซเดอร์กับน้ำสะอาดก่อนนำมาใช้กับผิวหนังทุกครั้ง และระมัดระวังไม่ให้ไหลเข้าตา แต่หากเข้าตาให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดในทันที
สูตรน้ำมันมะพร้าว
นำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ และเจลาตินไม่แต่งรส 2.5 ช้อนชามาผสมให้เข้ากัน จากนั้นชโลมให้ทั่วเส้นผมขณะผมแห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงทำความสะอาดเส้นผมด้วยน้ำยาสระผมและครีมนวดผมตามปกติ
- ประโยชน์ ช่วยฟื้นฟูผมเสีย และช่วยแก้ปัญหาผมแห้งหยาบ
- ข้อควรระวัง ให้สวมหมวกอาบน้ำขณะหมักผม เพื่อช่วยให้เกิดความร้อนและป้องกันส่วนผสมต่าง ๆ หยดหรือไหลเปื้อน
สูตรน้ำมันอัลมอนด์
นำน้ำมันมะพร้าวที่อุณภูมิห้อง 2 ส่วน ผสมกับน้ำมันอัลมอนด์หวาน 1 ส่วน และครีมนวดผมสูตรธรรมชาติอย่างเช่นอะโวคาโดอีก 1 ส่วน จากนั้นนำมาทาชโลมให้ทั่วเส้นผมขณะผมแห้งแล้วทิ้งไว้ประมาณ 40 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ประโยชน์ ดูแลสุขภาพหนังศีรษะ ช่วยให้ผมนุ่มสวย อาจช่วยเร่งผมยาว รวมถึงเสริมสร้างและซ่อมแซมสุขภาพเส้นผม
- ข้อควรระวัง ห้ามใช้น้ำมันอัลมอนด์บริสุทธิ์กับเส้นผมหากต้องตกแต่งเส้นผมด้วยความร้อนอย่างการม้วนผมหรือหนีบผมหลังจากนั้น เพราะน้ำมันอัลมอนด์อาจช่วยเพิ่มความร้อนบริเวณรูขุมขนที่หนังศีรษะ และอาจเป็นผลให้หนังศีรษะหรือเส้นผมไหม้ได้ รวมถึงห้ามใช้สูตรหมักผมน้ำมันอัลมอนด์หากมีอาการแพ้ถั่วด้วย
สูตรน้ำมันหอมระเหย
สูตรที่ 1 ใช้น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันหอมระเหยในปริมาณ 15-20 หยด เช่น TEA TREE OIL น้ำมันดอกลาเวนเดอร์ น้ำมันกานพลู และน้ำมันยูคาลิปตัส เป็นต้น ผสมให้เข้ากันแล้วทาให้ทั่วหนังศีรษะโดยใช้สำลีก้อน จากนั้นทิ้งไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมงหรือ 1 คืน แล้วค่อย ๆ หวีผมและสระผมด้วยน้ำยาสระผมเพื่อทำความสะอาด และทำซ้ำจนมั่นใจว่าล้างน้ำมันออกหมดแล้ว
สูตรที่ 2 นำน้ำมันหอมระเหยประมาณ 15-20 หยด ผสมให้เข้ากันกับแอลกอฮอล์เจลปริมาณ 8 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมไปบรรจุใส่ขวดสเปรย์ จากนั้นจึงฉีดพ่นให้ทั่วเส้นผมแล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมงหรือ 1 คืน และล้างทำความสะอาดเช่นเดียวกับสูตรที่ 1
- ประโยชน์ กำจัดเหา
- ข้อควรระวัง ควรใช้หวีสางเหาร่วมด้วย เพราะการหวีผมร่วมกับการใช้สูตรหมักผมน้ำมันหอมระเหยจะช่วยกำจัดเหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม สูตรหมักผมบางส่วนยังไม่มีผลวิจัยรับรองโดยตรงที่จะยืนยันว่ามีประสิทธิผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะในด้านต่าง ๆ จริง อีกทั้งบางสูตรอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้บางราย เพราะลักษณะของเส้นผมของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันไป จึงควรเลือกใช้สูตรหมักผมแต่ละวิธีด้วยความระมัดระวังเสมอ หากใช้สูตรหมักผมต่าง ๆ แล้วผมยังเสียเหมือนเดิม ควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาแนวทางการรักษาอื่น ๆ ที่ได้ผลเพิ่มเติมต่อไป