หิวน้ำบ่อย รู้จัก 5 สาเหตุและวิธีรับมือ

หิวน้ำบ่อย หรืออาการหิวน้ำมากผิดปกติที่ไม่ดีขึ้นหรือหายไปหลังจากดื่มน้ำ เป็นอาการที่อาจดูไม่รุนแรง แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่อาจสื่อถึงโรคหรือภาวะผิดปกติได้หลายชนิด โดยเฉพาะเมื่ออาการนี้เกิดขึ้นพร้อมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ ทางร่างกาย 

อาการหิวน้ำ เป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายที่ช่วยส่งสัญญาณให้ทราบว่า ภายในร่างกายเริ่มมีปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งในบางครั้งก็ถือเป็นเรื่องที่ปกติที่ร่างกายจะมีอาการหิวน้ำบ่อยหรือหิวน้ำมากในช่วงที่ร่างกายสูญเสียน้ำไปในปริมาณมาก เช่น ขณะออกกำลังกายอย่างหนัก เมื่ออยู่ในที่ที่อากาศร้อนจัด หรือหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ดหรือเค็ม

หิวน้ำบ่อย สาเหตุ วิธีรับมือ และสัญญาณที่ควรไปพบแพทย์

สาเหตุของอาการหิวน้ำบ่อย

อาการหิวน้ำบ่อยที่ผิดปกติ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุทั่วไปที่พบได้บ่อยและมักไม่เป็นอันตรายก็คือ การรับประทานอาหารรสเผ็ดหรือรสเค็มจัด

อย่างไรก็ตาม หากอาการหิวน้ำมักไม่ดีขึ้นหลังจากดื่มน้ำไปแล้ว สามารถเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะผิดปกติได้หลายชนิด เช่น

1. ภาวะขาดน้ำ

ภาวะขาดน้ำเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อภายในร่างกายมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อระบบการทำงานต่าง ๆ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างหนัก อาการท้องเสียรุนแรง การอาเจียน การอยู่ในที่ที่ร้อนจัด หรือการสูญเสียเหงื่อในปริมาณมาก จนส่งผลให้ร่างกายเริ่มมีอาการหิวน้ำบ่อยซึ่งเป็นสัญญาณถึงการขาดน้ำ

นอกจากนี้ อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ก็เช่น ปัสสาวะมีสีเข้ม รู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ คล้ายจะเป็นลม ปวดศีรษะ ปากแห้ง ผิวแห้ง และปัสสาวะน้อยลงผิดปกติ 

2. เบาหวาน (Diabetes)

เบาหวานเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ออกมาไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างที่ควรจะเป็น จนส่งผลให้เกิดการสะสมของน้ำตาลในกระแสเลือดสูง

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายก็จะพยายามขับน้ำตาลที่สะสมอยู่ออกผ่านทางการปัสสาวะ ซึ่งเมื่อร่างกายขับปัสสาวะบ่อย ๆ อาการหิวน้ำบ่อย หรืออาการหิวน้ำมากผิดปกติก็จะเริ่มเกิดขึ้นตามมา โดยผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมักพบอาการอื่น ๆ ในลักษณะต่อไปนี้ร่วมด้วย เช่น มองเห็นภาพเบลอ อ่อนเพลีย อยากอาหารผิดปกติ และแผลหรือรอยช้ำตามร่างกายหายช้าลง

3. เบาจืด (Diabetes Insipidus)

เบาจืดเป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่มีหน้าที่ช่วยไตควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายออกมาไม่เพียงพอ จนส่งผลให้ร่างกายอาจผลิตน้ำปัสสาวะออกมามากผิดปกติ และมีอาการกระหายน้ำมากตามมาได้

โดยอาการเด่น ๆ ของภาวะนี้คืออาการปัสสาวะบ่อยผิดปกติ และอาการหิวน้ำบ่อยที่ไม่ดีขึ้นแม้จะดื่มน้ำเข้าไปแล้ว

4. โลหิตจาง (Anemia)

โลหิตจางเป็นภาวะที่ร่างกายมีฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) หรือเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีหน้าที่นำพาออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในปริมาณที่น้อยผิดปกติ

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ทางการแพทย์ยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัดระหว่างอาการหิวน้ำบ่อยกับภาวะโลหิตจาง แต่เป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีเลือดในร่างกายและความดันโลหิตที่ต่ำ ซึ่งเมื่อร่างกายมีภาวะเหล่านี้ ร่างกายก็จะต้องการน้ำมากขึ้นเพื่อช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ผู้ป่วยดลหิตจางจึงมักพบอาการหิวน้ำบ่อยจากกลไกนี้ได้

นอกจากนี้ อาการอื่นที่อาจพบได้จากภาวะนี้ ได้แก่ เวียนศีรษะ ผิวซีดหรือมีสีออกเหลือง รู้สึกอ่อนเพลีย และหัวใจเต้นเร็ว

5. ไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)

ภาวะไทรอยด์เป็นพิษเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากเกินไป จนส่งผลให้กระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) ของร่างกายทำงานเร็วขึ้นผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้ร่างกายมีเหงื่อออกมากผิดปกติตามมาได้ จนร่างกายเริ่มสูญเสียน้ำและนำไปสู่อาการหิวน้ำบ่อยตามมา

โดยอาการต่าง ๆ ที่มักพบในผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็เช่น หิวน้ำบ่อย เหงื่อออกมากผิดปกติ หัวใจเต้นเร็ว น้ำหนักลดผิดปกติ อยากอาหารมากขึ้น ท้องเสีย รู้สึกกระวนกระวาย นอนไม่หลับ มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น และประจำเดือนมาช้าหรือเร็วเกินไปในผู้หญิง

ทั้งนี้ นอกจากตัวอย่างโรคและภาวะผิดปกติที่ยกตัวอย่างไป อาการหิวน้ำบ่อยก็ยังอาจเกิดขึ้นได้จากโรคและภาวะผิดปกติชนิดอื่น หรือแม้แต่ปัจจัยบางอย่างได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia) หัวใจวาย ไตวาย ตับวาย หรือการใช้ยาบางชนิด

วิธีรับมือกับอาการหิวน้ำบ่อยและสัญญาณที่ควรไปพบแพทย์

ในเบื้องต้น ผู้ที่มีอาการหิวน้ำบ่อยควรดื่มน้ำให้มากขึ้น หรือประมาณ 6–8 แก้วต่อวัน หรืออาจมากกว่านั้นหากต้องสูญเสียน้ำในระหว่างวันมาก ๆ เช่น การสูญเสียเหงื่อ อาการท้องเสีย หรืออาการอาเจียน โดยให้เฉลี่ยแบ่งปริมาณน้ำดื่มให้ทั่วทั้งวันและไม่ดื่มน้ำปริมาณมากในครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ชนิดเครื่องดื่มที่เลือกดื่มก็สำคัญเช่นกัน โดยเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงก็เช่น เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้อาจส่งผลให้อาการหิวน้ำบ่อยยิ่งแย่ลงได้

นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการหิวน้ำบ่อยอาจเลือกรับประทานผักหรือผลไม้บางชนิดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูงก็ได้เช่นกัน โดยตัวอย่างผักและผลไม้ที่สามารถเลือกรับประทานได้ก็เช่น แตงโม สตรอว์เบอร์รี แตงกวา มะเขือเทศ และส้ม

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการหิวน้ำบ่อยก็ควรสังเกตอาการตัวเองไปด้วย และควรไปพบแพทย์เมื่อเห็นว่าอาการหิวน้ำไม่ดีขึ้นหลังจากที่ดื่มน้ำเข้าไป โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือเกิดอาการผิดปกติบางอย่างร่วมด้วย เช่น 

  • ปวดปัสสาวะบ่อย 
  • มองเห็นภาพเบลอ
  • อ่อนเพลียผิดปกติ
  • อยากอาหารมากผิดปกติ
  • รู้สึกว่าแผลต่าง ๆ หายช้าลง

สุดท้ายนี้ โรคหรือภาวะผิดปกติของอาการหิวน้ำบ่อยในข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่อาจเป็นไปได้เท่านั้น ซึ่งอาจมีอีกหลายสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ ดังนั้น ผู้ที่มีอาการหิวน้ำบ่อยควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ และควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ หากพบว่าอาการเริ่มรุนแรงขึ้นผิดสังเกต หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย