อาการมะเร็งกระเพาะอาหาร กับสัญญาณอันตรายที่ควรรู้

มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งอาการมะเร็งกระเพาะอาหารของผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นอาจไม่รุนแรงมากนัก และอาจมีลักษณะคล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ ที่รุนแรงน้อยกว่า จึงทำให้เสี่ยงต่อการเข้าใจผิดได้ง่ายและอาจทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการมะเร็งกระเพาะอาหารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากผู้ป่วยเข้ารับการวินิจฉัยและได้รับรักษาอย่างทันท่วงทีก็อาจทำให้หายขาดได้

มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นโรคมะเร็งเกิดจากการที่มีเซลล์มะเร็งก่อตัวในเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งเซลล์นี้อาจเจริญเติบโตจนกลายเป็นเนื้อร้าย และอาจแพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ โดยมะเร็งกระเพาะอาหารอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การสูบบุหรี่ การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร การรับประทานอาหารบางชนิด และมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เป็นต้น

อาการมะเร็งกระเพาะอาหาร

ทั้งนี้ คนบางกลุ่มอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่ ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ผู้ที่ป่วยด้วยโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 หรือโรคกระเพาะอาหารอักเสบในระยะยาว ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ผู้ที่ประสบภาวะอ้วนหรือภาวะกรดไหลย้อน ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ ผู้ที่มีติ่งเนื้อhttps://www.pobpad.com/ติ่งเนื้อในกระเพาะอาหาร ผู้ที่รับประทานอาหารประเภทรมควัน อาหารปิ้งย่าง อาหารหมักดอง หรืออาหารที่มีรสเค็ม ผู้ที่รับประทานผักและผลไม้น้อย และผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เป็นต้น

อาการมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร ?

ผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะเริ่มแรกอาจไม่แสดงอาการของโรค หรืออาจมีอาการที่คล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ ที่ไม่รุนแรงนัก ซึ่งอาการมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะเริ่มแรกที่อาจพบได้ มีดังนี้

  • มีอาการอาหารไม่ย่อยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
  • ปวดบริเวณท้องหรือปวดบริเวณลิ้นปี่
  • รู้สึกอิ่มง่าย
  • แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร
  • เรอบ่อย
  • คลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งอาจมีเลือดปน
  • รู้สึกไม่สบายตัว
  • เบื่ออาหาร
  • กลืนอาหารลำบาก
  • แสบร้อนกลางอก

หากเซลล์มะเร็งหรือเนื้อร้ายเจริญเติบโตอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • ปวดบริเวณท้องส่วนบนหรือส่วนกลาง
  • ปวดท้องหรือแน่นท้องหลังรับประทานอาหาร
  • รู้สึกอิ่มหลังรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ
  • เบื่ออาหาร และน้ำหนักตัวลดลง
  • กลืนอาหารลำบาก
  • อุจจาระมีเลือดปน หรืออุจจาระมีสีดำ
  • อาเจียนเป็นเลือด ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกาแฟ
  • มีอาการของภาวะท้องมาน ซึ่งเป็นภาวะที่มีของเหลวสะสมอยู่ภายในท้องทำให้ท้องมีขนาดใหญ่ขึ้น
  • รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียจากภาวะโลหิตจาง
  • มีอาการของภาวะดีซ่าน เช่น ผิวเหลืองและตาเหลือง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาการมะเร็งกระเพาะอาหารมีลักษณะที่คล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ ดังนั้น หากสงสัยว่าตนเองกำลังมีอาการที่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงมะเร็งกระเพาะอาหาร ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยทันที

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

หากคุณมีอาการใด ๆ ที่สงสัยว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอาการดังกล่าว โดยแพทย์จะตรวจหาสาเหตุของอาการเหล่านี้ก่อนในเบื้องต้น ซึ่งหากแพทย์สงสัยว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร แพทย์อาจแนะนำให้คุณเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร

ทั้งนี้ คุณอาจเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าพบแพทย์ได้ด้วยการสังเกตและบันทึกอาการของตนเอง รวบรวมรายชื่อยาทั้งหมดที่รับประทาน ประวัติทางการแพทย์ที่ผ่านมา รวมทั้งสอบถามแพทย์เกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการตรวจอย่างการงดอาหาร นอกจากนี้ คุณอาจพาคนในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดไปด้วย เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของคุณที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยของแพทย์อีกด้วย

วิธีป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร

แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีการป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปอาจลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและมีร่างกายที่แข็งแรง
  • รับประทานอาหารผักและผลไม้ที่หลากหลาย เพื่อช่วยเพิ่มเส้นใยอาหารและวิตามินให้กับร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม อาหารปิ้งย่าง อาหารหมักดอง และอาหารประเภทรมควัน
  • ไม่สูบบุหรี่ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งชนิดอื่น ๆ
  • เข้ารับการรักษาอาการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร
  • ระมัดระวังการใช้ยาแอสไพรินหรือยาเอ็นเสด เนื่องจากยาเหล่านี้อาจส่งผลต่อกระเพาะอาหารได้

อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีอาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงมะเร็งกระเพาะอาหารเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยทันที เพราะหากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยก็มีโอกาสที่จะหายขาดและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ