อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็ก มักทำให้เด็กที่ป่วยด้วยโรคนี้เกิดอาการคล้ายโรคหวัด แต่มีอาการที่รุนแรงกว่า เช่น มีไข้ ปวดหัว ปวดตามตัว และเจ็บคอ โดยทั่วไปอาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กมักดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ แต่เด็กบางคนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่รุนแรงได้ หากทราบแนวทางการดูแลอาการอย่างเหมาะสม อาจช่วยให้เด็กหายเร็วขึ้น และป้องกันการเกิดอาการรุนแรง
ไข้หวัดใหญ่กิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วผ่านการหายใจเอาเชื้อจากการไอ จาม หรือจับสิ่งของที่มีเชื้อไวรัส เด็กจึงเป็นไข้หวัดใหญ่ได้บ่อย เนื่องจากอาจติดมาจากการเล่นกับเพื่อน แล้วใช้มือจับบริเวณใบหน้าหรือหยิบสิ่งของเข้าปาก
ลักษณะอาการไข้หวัดใหญ่ในเด็ก
อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าอาการจากโรคหวัด โดยเฉพาะในช่วง 2–3 วันแรกที่เริ่มมีอาการ ซึ่งอาจทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัวและมีอาการต่าง ๆ เช่น
- หนาวสั่น และมีไข้เฉียบพลัน โดยมักมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- เวียนหัว ปวดหัว
- อ่อนเพลีย เซื่องซึม
- เบื่ออาหาร
- ไอแห้ง เจ็บคอ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดหู ปวดเมื่อยตามตัว
- ท้องเสีย
โดยปกติแล้ว อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กมักดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ แต่มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้านานได้ถึง 3–4 สัปดาห์
ดูแลอาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กให้หายดี
พ่อแม่สามารถดูแลอาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. พักผ่อนมาก ๆ
ให้เด็กที่เป็นไข้หวัดใหญ่พักผ่อนมาก ๆ งดออกไปวิ่งเล่นหรือเล่นกีฬา เพื่อบรรเทาอาการอ่อนเพลีย และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการป่วยได้เร็วขึ้น โดยเด็กก่อนวัยเรียนอายุ 3–5 ปี ควรนอนหลับประมาณวันละ 10–13 ชั่วโมง เด็กวัยเรียนอายุ 6–12 ปี ควรนอนหลับวันละ 9–12 ชั่วโมง และวัยรุ่นอายุ 13–18 ปี ควรนอนหลับวันละ 8–10 ชั่วโมง
นอกจากนี้ เด็กที่เป็นไข้หวัดใหญ่และไข้ยังไม่ลดลง ควรให้หยุดเรียนและงดไปในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ไปสู่ผู้อื่น
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ร่างกายของเด็กที่เป็นไข้หวัดใหญ่อาจสูญเสียน้ำจากการมีไข้ อาเจียน และท้องเสีย การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำได้ โดยให้เด็กดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น นม น้ำผลไม้ที่ไม่เติมน้ำตาล ซุป หรือโจ๊กอุ่น ๆ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย ส่วนเด็กทารกที่ยังดื่มนมแม่อยู่ ควรให้นมตามปกติ
3. รักษาอุณหภูมิร่างกายให้เหมาะสม
อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กมักทำให้เกิดอาการหนาวสั่น มีไข้ และไม่สบายตัว ควรวัดไข้เด็กบ่อย ๆ หากไข้ไม่ลดลง ให้เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง หรือให้เด็กอาบน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็นจัด และสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหนาเกินไป เพราะอาจทำให้อุณหภูมิของร่างกายระบายออกยากขึ้น
ควรระวังไม่ให้ลมจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศพัดถูกตัวเด็กโดยตรงขณะนอนหลับ และให้เด็กผ้าห่มที่ไม่หนาจนเกินไป
4. รับประทานอาหารที่เหมาะสม
อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กมักทำให้เด็กเบื่ออาหาร ผู้ปกครองไม่ควรบังคับให้เด็กรับประทานอาหาร โดยอาจให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทีละน้อย เช่น ซุปไก่ โจ๊ก ข้าวต้ม ซึ่งรับประทานง่าย ให้พลังงาน และมีสารอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอต่อร่างกาย
5. บรรเทาอาการคัดจมูกและเจ็บคอ
หากลูกมีอาการคัดจมูก อาจให้เด็กสูดไอน้ำร้อนจากอ่างน้ำหรือภาชนะปากกว้าง ไอน้ำร้อนจะช่วยลดอาการระคายเคืองและบวมของเส้นเลือดฝอยภายในโพรงจมูก ช่วยกำจัดน้ำมูกเหนียวข้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกหายใจสะดวก หรือล้างจมูกเด็กด้วยน้ำเกลือ เพื่อชะล้างน้ำมูกและเชื้อโรคต่าง ๆ ในโพรงจมูก
เด็กที่เจ็บคอจากอาการไข้หวัดใหญ่ อาจให้ใช้น้ำอุ่น 1 แก้ว หรือประมาณ 225 มิลลิลิตรผสมกับเกลือประมาณครึ่งช้อนชา กลั้วให้ทั่วปากและลำคอประมาณ 15 วินาทีแล้วบ้วนทิ้ง แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เนื่องจากยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจการบ้วนน้ำเกลือทิ้ง และอาจเกิดการสำลักได้
6. ใช้ยาบรรเทาอาการ
การใช้ยาบรรเทาอาการไข้หวัดใหญ่ในเด็ก เช่น ยาแก้ปวดและลดไข้ โดยให้เด็กรับประทานยาพาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน ซึ่งมีความเข้มข้นของตัวยาหลายขนาด และมีทั้งชนิดหยด ชนิดน้ำเชื่อม และชนิดเม็ด ควรปรึกษาเภสัชกรและเลือกใช้ยาให้เหมาะกับน้ำหนักตัวหรือช่วงอายุของเด็ก และห้ามให้ยาแอสไพรินลดไข้เด็ก เนื่องจากอาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย
ส่วนการให้ยาอื่น เช่น ยาแก้ไอ และยาลดน้ำมูก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเหล่านี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และใช้ยาตามที่เภสัชกรแนะนำหรือตามที่ระบุบนฉลาก ทั้งนี้ ไม่ควรให้ยาเหล่านี้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี โดยที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์
สังเกตอาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กที่อาจทำให้เกิดอันตราย
อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ หูอักเสบ อาการโรคหืดกำเริบ และโรคปอดบวม โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด หัวไต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน มะเร็ง และโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
หากเด็กมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ ควรพาไปพบแพทย์ทันที
- เด็กมีไข้สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และเด็กเล็กที่อายุต่ำ 3 ปีที่วัดอุณหภูมิร่างกายได้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส
- หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด หายใจหอบถี่ เจ็บหน้าอกขณะหายใจ ไอเป็นเลือด
- มีอาการไข้หวัดใหญ่และมีไข้ซ้ำหลังจากหายดีแล้ว
- ดื่มน้ำได้น้อย ปัสสาวะน้อยหรือปัสสาวะไม่ออก ร้องไห้ไม่มีน้ำตา
- ง่วงนอนมากผิดปกติ เซื่องซึม ไม่เล่นของเล่นที่ชอบ ปลุกแล้วไม่ยอมตื่นหรือไม่รู้สึกตัว
- ร้องไห้งอแงไม่หยุด
- ปวดหัวอย่างรุนแรง
- อาเจียนต่อเนื่องกันนานกว่า 4 ชั่วโมง และท้องเสียอย่างรุนแรง
- ผิวและเล็บซีด หรือเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
- คอแข็ง
- มีอาการสับสน และชัก
อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็กพบได้บ่อยและเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทำได้โดยการล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ หากต้องการไอหรือจามควรปิดจมูกและปากด้วยกระดาษทิชชู่และนำไปทิ้งลงถังขยะให้เรียบร้อย และพาเด็กที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่