เชื้อราในสมอง คือโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อรา ซึ่งเป็นโรคที่หาได้ยากและอันตราย สาเหตุมักเกิดจากการติดเชื้อราภายในร่างกายส่วนอื่นแพร่มายังบริเวณไขสันหลังและสมอง โดยเริ่มแรกอาจทำให้เกิดอาการไข้ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งหากปล่อยไว้ก็อาจจะเกิดอาการร้ายแรงอื่น ๆ ตามมา
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราในสมองสามารถเกิดได้จากเชื้อราหลายชนิด โดยโรคนี้มักพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ที่กินยากดภูมิคุ้มกัน รวมถึงเด็กทารกและผู้ที่พึ่งผ่านการผ่าตัดมา นอกจากนี้ เชื้อราในสมองยังสามารถเกิดจากการสูดดมสปอร์เชื้อราที่อยู่ตามธรรมชาติได้ด้วยเช่นกัน
เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบนั้นเป็นเชื้อราที่สามารถพบได้ตามดิน กิ่งไม้ ใบไม้ มูลนก หรือกระทั่งในร่างกายมนุษย์อย่างเช่น เชื้อราแคนดิดา (Candida) ซึ่งปกติจะอยู่ในผิวหนังหรือกระเพาะอาหารโดยไม่มีอันตรายใด ๆ แต่ในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ แคนดิดาก็อาจเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เกิดโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราในสมองได้
อาการของเชื้อราในสมอง
อาการเชื้อราในสมองหรือโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราในผู้ใหญ่ ได้แก่
- มีไข้
- ปวดหัว
- มึนงงสับสน
- ไม่สามารถหมุนหรือเคลื่อนคอได้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนล้า ไม่มีเรี่ยวแรง ง่วงซึมและตื่นนอนลำบาก
- ไม่มีความอยากอาหาร
- อ่อนไหวต่อแสง
- ชัก
ส่วนอาการเชื้อราในสมองของเด็กทารกจะแตกต่างจากอาการของผู้ใหญ่ เพราะแม้ว่าเด็กทารกจะมีอาการไข้ ปวดหัว หรือขยับคอลำบาก ก็อาจสังเกตได้ยากว่าเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทั้งยังมีโอกาสที่เด็กจะไม่แสดงอาการเหล่านี้เช่นกัน ดังนั้น อาจสังเกตอาการเชื้อราในสมองในเด็กจากกอาการดังต่อไปนี้
- อ่อนเพลียและมีการตอบสนองเชื่องช้า
- ง่วงซึมตื่นยาก
- หงุดหงิดง่าย
- กินยากและอาเจียน
- กระหม่อมหรือบนศีรษะของทารกนูนขึ้น
- ปฏิกริยาตอบสนองอัตโนมัติผิดปกติ
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราในสมองอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะมีอาการ แต่เมื่อสงสัยว่าอาจมีอาการของโรคนี้ก็ไม่ควรปล่อยปะละเลย และควรรีบไปพบแพทย์ เพราะเชื้อราในสมองอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงอื่น ๆ เช่น สโตรก (Stroke) น้ำคั่งในสมอง เลือดออกในสมอง หรือมีแรงดันในสมองได้
ทั้งนี้ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุและอาจมีอาการคล้ายคลึงกัน แต่หากกำลังรักษาโรคด้วยยาปฏิชีวนะแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรสงสัยว่าสาเหตุของโรคมาจากเชื้อราในสมอง
แนวทางการป้องกันการติดเชื้อราในสมอง
การป้องกันเชื้อราในสมองสำหรับคนทั่วไปและคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอย่างคนที่มีระบบภูมิคุ้นกันอ่อนแอนั้นสามารถทำได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการก่อสร้างหรือขุดเจาะ โดยหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ให้สวมหน้ากากอนามัย N95 ไว้เสมอ
- หลีกเลี่ยงการทำงานที่ทำให้ต้องเจอฝุ่นหรือดิน เช่น การทำสวน ขุดดิน และอื่น ๆ
- ใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะแผลที่สัมผัสกับฝุ่นดินมา เพราะแผลอาจติดเชื้อราได้
- รักษาความสะอาดทุกส่วนในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อพับต่าง ๆ และหลังอาบน้ำหรือว่ายน้ำควรใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดและไม่ชื้นเช็ดตัวให้แห้งเสมอ
- เวลาใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะในสระว่ายน้ำหรือที่อื่น ๆ ควรใส่รองเท้าแตะเสมอ
- ไม่ใช้ผ้าขนหนู เสื้อผ้า หรือของส่วนตัวต่าง ๆ ร่วมกับคนอื่น
- สวมเสื้อผ้า ถุงเท้า และชั้นในที่สะอาดทุกวัน รวมถึงควรเลือกใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่ไม่แน่นเกินไปเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่สร้างความอับชื้น
- ไม่สัมผัสใกล้ชิดสัตว์ที่ขนหายเป็นหย่อม ๆ หรือคันบ่อย ๆ เพราะอาจเป็นสัตว์ที่ติดเชื้อราได้
- กินยาป้องกันเชื้อราตามที่แพทย์สั่ง
แม้ว่าโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อราในสมองจะเกิดได้ยาก แต่ก็เป็นโรคที่อาจส่งผลต่อชีวิตได้ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อราได้ง่าย ควรไปเข้ารับการตรวจจากแพทย์ทันทีที่สงสัยว่ามีอาการของเชื้อราในสมอง เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
โดยการรักษาเชื้อราในสมองทำได้ด้วยการให้ยาต้านเชื้อราผ่านทางหลอดเลือดดำภายในโรงพยาบาล แพทย์จะให้ยาในปริมาณมากและมีฤทธิ์ที่แรงเพื่อฆ่าเชื้อราในสมอง หลังจากนั้นผู้ป่วยจะยังต้องรักษาด้วยการกินยาต้านเชื้อราอีก โดยระยะเวลาที่รักษาเชื้อราในสมองนั้นขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจระยะเวลาในการรักษานาน