ฟังเพลงตอนท้องดีต่อทารกในครรภ์อย่างไร เพลงแบบไหนควรให้ลูกฟัง

คงเคยได้ยินว่าการฟังเพลงตอนท้องช่วยเสริมสร้างความฉลาดให้กับลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และมีข้อมูลระบุว่าความสามารถในการตอบสนองต่อเสียงคนตรีและการประมวลผลของทารกแรกเกิดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ฟังเสียงต่าง ๆ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนจึงเลือกเปิดเพลงเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกในท้อง

พัฒนาการทางการได้ยินของทารกจะเริ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2 โดยทารกจะได้ยินเสียงต่าง ๆ จากภายนอก เช่น เสียงพูดคุยและเสียงเพลง แต่จะเริ่มตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยินเมื่ออายุครรภ์อยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้าย

เพลงสำหรับคนท้อง ดีต่อทารกในครรภ์อย่างไร เพลงแบบไหนควรให้ลูกฟัง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ชัดเจนว่าการฟังเพลงตอนท้องช่วยให้ลูกน้อยฉลาดขึ้นได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แล้วการเปิดเพลงให้ลูกฟังมีประโยชน์ต่อพัฒนาการของลูกหรือไม่ หาคำตอบได้ในบทความนี้

การฟังเพลงตอนท้องกับพัฒนาการทางการได้ยินของทารก

เมื่ออายุครรภ์ของคุณแม่เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ทารกจะมีพัฒนาการทางการได้ยินในแต่ละสัปดาห์ดังนี้

  • สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์ บริเวณด้านข้างศีรษะของทารกจะมีปุ่มเล็ก ๆ 2 ข้างเกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปจะค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นหูชั้นใน ได้แก่ อวัยวะส่วนรับเสียงซึ่งมีลักษณะเป็นก้นหอย (Cochlea) และส่วนที่ควบคุมการทรงตัว
  • สัปดาห์ที่ 8–9 ของการตั้งครรภ์ ทารกจะเริ่มมีพัฒนาการของหูชั้นกลาง ประกอบด้วยท่อเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อหูชั้นกลางกับโพรงจมูกในคอ และกระดูกหู ซึ่งมีหน้าที่นำคลื่นเสียงที่ได้ยินเข้าไปสู่หูชั้นใน และจะมีรอยเว้าเกิดขึ้นด้านข้างลำคอของทารกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจะเลื่อนขึ้นด้านบนและพัฒนากลายเป็นใบหู
  • สัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์ จะเริ่มสร้างเซลล์ขน (Hair Cells) ซึ่งเป็นตัวรับการกระตุ้นของเสียงภายในหูชั้นใน และจะเชื่อมต่อกับเส้นประสาทที่ส่งเสียงกระตุ้นไปยังสมอง
  • สัปดาห์ที่ 22 ของการตั้งครรภ์ ทารกเริ่มได้ยินเสียงแรก โดยมักได้ยินเสียงจากในตัวของคุณแม่ชัดกว่าเสียงจากภายนอก 
  • สัปดาห์ที่ 23 ของการตั้งครรภ์ จะเริ่มได้ยินเสียงทุ้มต่ำ และค่อย ๆ ได้ยินเสียงที่สูงขึ้นตามมา จากนั้นทารกจะเริ่มตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยินผ่านการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น การหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น และขยับตัวเมื่อได้ยินเสียง

คุณแม่บางคนเชื่อว่าการฟังเพลงตอนท้องอาจช่วยสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ให้ลูกได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาที่ยืนยันได้แน่ชัดว่าการฟังเพลงตอนท้องเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นได้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดเกิดจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ อาหารที่คุณแม่รับประทานขณะตั้งครรภ์ อาหารที่ช่วยบำรุงสมองให้ลูกหลังคลอด และการเลี้ยงดูหลังคลอด

อย่างไรก็ตาม การฟังเพลงสำหรับคนท้องอาจมีประโยชน์ในการสร้างความผ่อนคลายให้ทั้งคุณแม่และลูก กระตุ้นพัฒนาการทางการได้ยิน และอาจทำให้ลูกเติบโตมามีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี

นอกจากการฟังเพลงตอนท้อง การพูดคุยกับลูก ลูบหน้าท้อง และเล่านิทานให้ลูกฟัง ก็อาจช่วยสร้างความผ่อนคลายและความผูกพันระหว่างแม่และลูกในท้องได้

เลือกฟังเพลงตอนท้องอย่างไรดี

การฟังเพลงตอนท้องไม่จำเป็นต้องฟังเพลงคลาสสิคเสมอไป แพทย์แนะนำให้ฟังเพลงสบาย ๆ เช่น เพลงบรรเลงหรือเพลงอื่นที่ชอบฟัง ซึ่งจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากกว่าฟังเพลงที่ไม่ชอบ ทั้งนี้ การเปิดเพลงให้ลูกในท้องฟัง ไม่ควรวางหูฟังแนบที่บริเวณหน้าท้อง เพราะเสียงเพลงอาจดังเกินไปจนรบกวนทารกในครรภ์

การเปิดเพลงอย่างเหมาะสมควรเปิดเพลงให้อยู่ห่างจากหน้าท้องอย่างน้อยประมาณ 1 ฟุต โดยอาจใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือลำโพง และเปิดเสียงดังพอประมาณเพื่อลูกในครรภ์จะได้ฟังเสียงเพลงไปด้วย

โดยระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ควรดังเกิน 50–60 เดซิเบล หรือดังเทียบเท่ากับเสียงการพูดคุยกันของเรา หากคุณแม่ฟังเพลงเสียงดังเกินไป อาจทำให้ลูกในท้องอาจตกใจและดิ้นแรงกว่าปกติได้

แม้จะยังไม่มีผลการศึกษาที่ยืนยันได้ว่า การฟังเพลงตอนท้องช่วยให้ลูกมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดี แต่การเปิดเพลงสบาย ๆ ให้ลูกในท้องฟังในระดับความดังที่พอเหมาะ อาจช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางการได้ยินและกระบวนการความคิดของลูกหลังคลอดได้ อีกทั้งยังทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและอาจช่วยลดความเครียด ทำให้คุณแม่นอนหลับได้ดีขึ้นได้