เม็ดแมงลักเป็นเมล็ดพืชชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็ก มีสีดำคล้ายงา เมื่อแช่ในน้ำจะพองตัว เกิดเยื่อหุ้มสีขาว และสามารถรับประทานได้ เม็ดแมงลักถูกนำมาเป็นส่วนประกอบในหลายเมนู เช่น เครื่องดื่มอย่างน้ำเต้าหู้ น้ำหวาน หรือขนมหวานอย่างวุ้น นอกจากนี้ เม็ดแมงลักยังเป็นเมนูลดความอ้วนที่หลายคนแนะนำ เพราะเชื่อกันว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้
เม็ดแมงลัก 100 กรัม ให้โปรตีนประมาณ 11.4–22.5 กรัม มีใยอาหารสูง มีกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียมในปริมาณมาก นอกจากนี้ เม็ดแมงลักยังมีสารประกอบฟีนอลิกอย่างโอเรียนทีน (Orientine) ไวเซนทีน (vicentine) และกรดโรสมารินิค (Rosmarinic Acid) ที่มีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพอีกหลายประการด้วย
7 ประโยชน์ของเม็ดแมงลักที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ถึงเม็ดแมงลักจะมีขนาดเล็ก แต่ประโยชน์กลับไม่เล็กตาม โดยเม็ดแมงลักมีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพหลายประการ ดังนี้
1. อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
เม็ดแมงลักอุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ ทั้งใช้ในการเสริมสร้างกระดูกและการทำงานของกล้ามเนื้อ รวมถึงใช้ในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วย นอกจากนี้ เม็ดแมงลักยังมีกรดไขมันกรดอัลฟาไลโปอิก (ALA) ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นกรดไขมันสำคัญที่มีประโยชน์แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เอง
2. มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ
ในเม็ดแมงลักอุดมไปด้วยสารประกอบจากพืชที่สำคัญอยู่หลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และโพลีฟีนอล (Polyphenols) สารเหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เซลล์อักเสบเสียหาย รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งได้ด้วย
3. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
เม็ดแมงลัก 1 ช้อนโต๊ะหรือประมาณ 13 กรัม มีใยอาหารมากถึง 7 กรัม ซึ่งถือเป็น 25% ของปริมาณใยอาหารที่ควรบริโภคต่อวันเลยทีเดียว การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูงจะช่วยให้รู้สึกอยู่ท้องได้นาน แม้จะรับประทานไปในปริมาณน้อย นอกจากนี้ ใยอาหารชนิดหนึ่งในเม็ดแมงลักที่ชื่อว่าเพคตินอาจช่วยเพิ่มฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่ม เม็ดแมงลักจึงมีประสิทธิภาพในการช่วยควบคุมอาหารได้
4. ช่วยในการขับถ่าย
เพคตินในเม็ดแมงลักเป็นใยอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก จึงอาจช่วยเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้และช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ได้ นอกจากนี้ ใยอาหารจากเม็ดแมงลักที่ร่างกายย่อยไม่ได้จะกลายเป็นกากที่ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น การรับประทานเม็ดแมงลักจึงอาจช่วยป้องกันหรือรักษาอาการท้องผูกได้นั่นเอง
5. อาจมีคุณสมบัติต้านโรคเบาหวาน
เม็ดแมงลักอาจมีประสิทธิภาพในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้ งานวิจัยในหนูทดลองยังพบว่าสารสกัดจากเม็ดแมงลักสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดน้ำหนักตัวของหนูที่เป็นโรคเบาหวานได้ด้วย
6. อาจช่วยลดไขมันในเลือด
เม็ดแมงลักอาจมีประสิทธิภาพในการช่วยปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยใยอาหารเพคตินจะทำหน้าที่ขัดขวางการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ และอาจส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง นอกจากนี้ งานวิจัยในสัตว์ทดลองยังพบอีกว่า น้ำมันสกัดจากเม็ดแมงลักอาจสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ด้วย
7. อาจช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากเม็ดแมงลักจะมีคุณสมบัติในการช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายชื่อว่ากรดอัลฟาไลโปอิก (ALA) ในปริมาณมากด้วย และด้วยปัจจัยทั้ง 3 อย่างนี้ จึงอาจช่วยทำให้เม็ดแมงลักมีประโยชน์ในการช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้นั่นเอง
รับประทานเม็ดแมงลักอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ
เม็ดแมงลักมีลักษณะและสารอาหารที่คล้ายคลึงกับเมล็ดเจีย (Chia Seeds) แต่เม็ดแมงลักมีราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย จึงนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายมากกว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเม็ดแมงลักจะได้รับความนิยมในการรับประทาน และดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรต้องทราบก่อนการรับประทาน ดังนี้
- การแช่เม็ดแมงลัก 1 ช้อนโต๊ะ ควรใช้น้ำประมาณ 1 ถ้วยตวง และแช่ไว้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้เม็ดแมงลักสามารถพองตัวได้เต็มที่ หากใช้น้ำน้อยเกินไปอาจทำให้จับตัวเป็นก้อนได้
- ไม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักที่ยังไม่พองตัว หรือยังพองตัวได้ไม่เต็มที่ เพราะอาจทำให้เกิดการดูดน้ำจากลำไส้หรืออาจนำไปสู่การเกิดภาวะขาดน้ำได้
- เม็ดแมงลักที่พองตัวจะมีลักษณะคล้ายวุ้น จึงควรรับประทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเม็ดแมงลักด้วยความระมัดระวังเพราะอาจเกิดการสำลักได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืน
- เม็ดแมงลักมีใยอาหารสูง หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องอืด ปวดท้อง หรือท้องเสียได้
แม้ว่าเม็ดแมงลักจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่งานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของเม็ดแมงลักบางส่วนยังเป็นเพียงงานวิจัยขั้นต้นที่ทำการศึกษาในหลอดทดลองหรือในสัตว์ทดลองเท่านั้น และยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อมายืนยันข้อเท็จจริงเหล่านี้ จึงควรศึกษาข้อควรระวังในการรับประทานเม็ดแมงลักให้ถี่ถ้วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพตามมา
นอกจากนี้ เพื่อการรับประทานเม็ดแมงลักให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพและได้คุณค่าทางโภชนาการอย่างสูงสุด ควรรับประทานร่วมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างเหมาะสม เช่น นม น้ำเต้าหู้ ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว หรือโยเกิร์ต