ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นสารเคมีที่นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในครีมหน้าขาว เพราะมีคุณสมบัติในการยับยั้งกระบวนการการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง หรือที่เรียกว่าเมลานิน (Melanin) การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนจึงอาจช่วยให้รอยสิว ฝ้า และจุดด่างดำจางลง และทำให้สีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น แต่หากใช้โดยไม่ระวังอาจเป็นอันตรายต่อผิวได้
อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยา (FDA) กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปในปริมาณต่ำกว่า 2% และในประเทศไทย สารไฮโดรควิโนนถูกสั่งห้ามผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่วางจำหน่ายทั่วไป ยกเว้นในกรณีที่แพทย์สั่งจ่ายให้ผู้ป่วย เนื่องจากการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองเกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำ และอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เรียนรู้กลไกการทำงานของไฮโดรควิโนนและวิธีใช้ไฮโดรควิโนนอย่างถูกต้องและปลอดภัยได้ในบทความนี้
ไฮโดรควิโนนช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้อย่างไร
เมลานินเป็นเม็ดสีที่เซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ผลิตขึ้นมา โดยทั่วไปจำนวนเม็ดสีจะขึ้นอยู่กับยีน (Gene) หรือหน่วยที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของแต่ละคน คนที่มีจำนวนเม็ดสีมากจะทำให้มีสีผิว สีผม และสีดวงตาที่เข้มกว่าคนที่มีจำนวนเม็ดสีน้อย นอกจากนี้ปัจจัยอื่น ๆ อย่างการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และการได้รับรังสียูวีจากแสงแดดเป็นเวลานาน อาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น และทำให้เกิดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ อย่างฝ้า กระ และจุดด่างดำ
ไฮโดรควิโนนมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ในเซลล์เมลาโนไซต์ จึงช่วยลดกระบวนการการสร้างเม็ดสีและช่วยให้สีผิวดูขาวขึ้น ทั้งนี้การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนเพื่อรักษาฝ้า กระ หรือรอยด่างดำอาจใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล และอาจต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายเดือนเพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ครีมหน้าขาวที่วางขายทั่วไปมักผสมไฮโดรควิโนนในปริมาณมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และการใช้ไฮโดรควิโนนต่อเนื่องกันเป็นเวลานานอาจทำห้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวได้
วิธีใช้ไฮโดรควิโนนอย่างปลอดภัย
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สั่งห้ามใช้ไฮโดรควิโนนเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางที่วางขายทั่วไป โดยกำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2% ที่สั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น หากพบเห็นผลิตภัณฑ์ทาผิวที่ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่แสดงผู้ผลิต และวันเดือนปีที่ผลิต ไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ และสามารถตรวจสอบเครื่องสำอางที่อย. ประกาศห้ามใช้ในเว็บไซต์ของอย. (www.fda.moph.go.th)
การใช้ไฮโดรควิโนนควรใช้ด้วยความระมัดระวังภายใต้การดูแลของแพทย์และอ่านฉลากยาให้เข้าใจก่อนเสมอ ทั้งนี้ควรทดสอบอาการแพ้ด้วยการทาไฮโดรควิโนนปริมาณน้อย ๆ ลงบนผิวหนังบริเวณท้องแขนด้านในก่อนการใช้ เพื่อตรวจสอบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง หากมีอาการคัน บวมแดง หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ควรหยุดใช้ไฮโดรควิโนน และปรึกษาแพทย์
หากทดสอบแล้วไม่มีอาการแพ้ สามารถใช้ไฮโดรควิโนนได้โดยมีวิธีการใช้ดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าและซับให้แห้งก่อนใช้ไฮโดรควิโนน
- ทายาบาง ๆ ลงบนผิวหนังที่มีฝ้า กระ และรอยด่างดำ นวดเบา ๆ ให้ยาซึมเข้าสู่ผิวหนัง โดยทาวันละ 2 ครั้งหรือตามที่แพทย์สั่ง และทาเป็นขั้นตอนแรกก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ
- ไม่ควรทาไฮโดรควิโนนที่ผิวหนังส่วนอื่น โดยเฉพาะบริเวณที่มีชั้นผิวบาง อย่างรอบดวงตาและปาก
- ล้างมือหลังจากทายาทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสัมผัสผิวหนังบริเวณอื่นที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือการสัมผัสเสื้อผ้าที่อาจทำให้มีคราบหรือรอยด่างบนเสื้อผ้าได้
- ทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกันแสงแดดก่อนออกจากบ้าน เพราะไฮโดรควิโนนอาจทำให้ผิวไวต่อแสงได้
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงจากการใช้ไฮโดรควิโนน
โดยทั่วไปการใช้ไฮโดรควิโนนที่มีความเข้มข้นของสารและระยะเวลาการใช้ที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์มักไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่ในระยะแรกที่ใช้อาจทำให้ผิวแห้ง แดง แสบร้อน และคัน นอกจากนี้ คนที่มีปัจจัยต่อไปนี้อาจเสี่ยงต่อเกิดการเกิดผลข้างเคียงหลังจากใช้ไฮโดรควิโนนได้มากกว่าคนทั่วไป
- ผู้ที่มีสภาพผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย โดยอาการระคายเคืองอาจดีขึ้นหลังจากที่ผิวปรับสภาพเข้ากับไฮดโดรควิโนน
- ผู้ที่ตั้งครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตรไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน
- การยารักษาผิวหนังอื่น ๆ เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ร่วมกับไฮโดรควิโนน อาจทำให้เกิดรอยดำบนผิวหนังได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง เช่น สบู่ แชมพู และน้ำยาย้อมผม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และสารที่มีฤทธิ์สมานผิว (Astringent) เป็นต้น
- การเผชิญกับรังสียูวีจากแสงแดดและบูธอาบแดดเป็นเวลานาน
ทั้งนี้หากใช้ไฮโดรควิโนนแล้วมีอาการแพ้ เช่น มีผื่นแดง คัน เป็นตุ่มพุพอง ผิวลอก หายใจมีเสียง หายใจและกลืนลำบาก ใบหน้า ปาก ลิ้น และลำคอบวม รวมทั้งผู้ที่มีอาการระคายเคืองผิวอย่างรุนแรง เช่น ผิวแห้งแตก มีตุ่มพอง มีเลือดออกที่ผิวหนัง และผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ควรหยุดใช้ไฮโดรควิโนนและไปพบแพทย์ทันที
ไฮโดรควิโนนเป็นสารที่ช่วยให้ยับยั้งกระบวนการการสร้างเม็ดสีผิว จึงช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสารไฮโดรควิโนนมาใช้เอง อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังในระยะยาว เช่น จุดด่างขาว ฝ้าถาวร และหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังด้วย จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ผู้มีผิวแพ้ง่าย หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ไฮโดรควิโนน เพื่อความปลอดภัย