วิธีเช็ดตัวลดไข้เป็นหลักปฏิบัติที่ช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายเมื่อมีไข้ โดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดที่ผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นิยมใช้ในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีไข้สูง ซึ่งจะช่วยให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง ช่วยให้รู้สึกสบายตัวขึ้น และป้องกันภาวะชักจากไข้สูง (Febrile Seizures) ซึ่งพบบ่อยในเด็กเล็ก
ไข้ คือภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ โดยเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันพยายามกำจัดเชื้อโรค เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรียออกจากร่างกาย ซึ่งอาการตัวร้อนจะหายไปเองเมื่อร่างกายกำจัดเชื้อโรคออกไปแล้ว แต่การใช้วิธีเช็ดตัวลดไข้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้ดูแลผู้ป่วยร่วมกับวิธีลดไข้อื่น ๆ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการตัวร้อนได้ดีขึ้น
รู้จักวิธีเช็ดตัวลดไข้ที่ถูกต้อง
การเช็ดตัวลดไข้มักใช้เมื่อผู้ป่วยมีไข้สูง โดยมีอุณหภูมิร่างกาย 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป วิธีเช็ดตัวลดไข้ มีดังนี้
เตรียมอุปกรณ์ก่อนเช็ดตัว
ก่อนเริ่มวิธีเช็ดตัวลดไข้เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการเช็ดตัว ได้แก่ กะละมังหรือภาชนะปากกว้างสำหรับใส่น้ำ ผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับชุบน้ำ และผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ซึ่งใช้เช็ดตัวผู้ป่วยให้แห้งหลังจากเช็ดตัวลดไข้เสร็จ
จากนั้นเตรียมน้ำประปาอุณหภูมิปกติหรือน้ำอุ่น ไม่ควรใช้น้ำเย็นในการเช็ดตัวผู้ป่วย เพราะจะทำให้หลอดเลือดหดตัว ร่างกายระบายความร้อนออกได้ยาก อีกทั้งทำให้ผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่น ปวดตามตัว และอาจทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีกด้วย
ก่อนเช็ดตัวควรปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่นขณะใช้วิธีเช็ดตัวลดไข้
วิธีเช็ดตัวลดไข้
วิธีเช็ดตัวลดไข้ที่ถูกต้องควรใช้ระยะเวลาประมาณ 10–15 นาที และไม่ควรเช็ดตัวนานเกิน 30 นาที โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
1. นำผ้าขนหนูผืนเล็กจุ่มลงในน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ บีบน้ำออกหมาด ๆ ใช้ผ้าเช็ดให้ทั่วบริเวณใบหน้า แขน ขาของผู้ป่วย
2. วิธีเช็ดตัวลดไข้ที่ถูกต้องควรเช็ดย้อนรูขุมขนขน คือเช็ดจากปลายมือและเท้าเข้าหาลำตัว และให้ออกแรงเช็ดพอประมาณ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดwww.pobpad.com/ระบบไหลเวียนเลือด-รู้จั และช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนดีขึ้น
3. นำผ้าไปชุบน้ำบ่อย ๆ ทุกประมาณ 2–3 นาที และเช็กอุณหภูมิน้ำ หากน้ำเย็นเกินไปควรเปลี่ยนน้ำ
4. เช็ดตัวผู้ป่วยซ้ำ โดยเน้นบริเวณลำคอ รักแร้ ขาหนีบ และข้อพับต่าง ๆ สลับกับวางผ้าไว้บริเวณหน้าผาก
5. หากผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่นขณะใช้วิธีเช็ดตัวลดไข้ ให้หยุดและใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ซับน้ำตามผิวหนังออกให้แห้งจนกว่าจะหยุดหนาวสั่น
แนะนำวิธีดูแลผู้ป่วยหลังเช็ดตัวลดไข้
เมื่อเช็ดตัวลดไข้เสร็จแล้วให้ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ซับตัวผู้ป่วยให้แห้ง ให้ผู้ป่วยสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบายและที่ระบายอากาศได้ดี ไม่ควรให้ใส่เสื้อผ้าหนาหรือห่มผ้าหลายชั้น เพราะจะทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นอีก
ควรให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อนในห้องที่ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อนอบอ้าว และใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้หลังจากเช็ดตัวเสร็จประมาณ 15–30 นาที เพื่อดูว่าอุณหภูมิร่างกายลดลงแล้วหรือไม่
อย่างไรก็ดี การเช็ดตัวอาจไม่ใช่วิธีลดไข้หลักที่ใช้ในปัจจุบัน หากเด็กมีไข้ไม่สูงมาก ไม่มีอาการไม่สบายตัว และยังรับประทานอาหารได้ อาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเช็ดตัวลดไข้ เพื่อลดอุณหภูมิที่สูงจากการกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกาย การดูแลผู้ป่วยที่มีไข้สูงควรใช้วิธีลดไข้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้การรักษาอาการไข้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น
- ให้ผู้ป่วยพักผ่อนมาก ๆ อย่างน้อย 7–9 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
- ดื่มน้ำเปล่า ชาสมุนไพร หรือซุปอุ่น ๆ เพื่อช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ
- รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอลและไอบูโพรเฟน โดยไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีรับประทานยาแอสไพริน เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
หากลดไข้ด้วยวิธีเช็ดตัวลดไข้และวิธีข้างต้นแล้ว ผู้ป่วยยังมีไข้ติดต่อกันเกิน 5 วัน วัดไข้ได้สูงเกิน 40 องศาเซลเซียสในผู้ใหญ่ หรือสูงเกิน 38–39 องศาเซลเซียสในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีผื่นตามตัว มีภาวะขาดน้ำ ปวดหัวหรือปวดท้องรุนแรง หายใจหอบหรือหายใจลำบาก สับสน คอแข็ง ผิวเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ควรรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที
ส่วนเด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 3 เดือนและมีไข้สูง พ่อแม่ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากเด็กมีอาการร้องไห้งอแงไม่หยุด หายใจติดขัด ผิวซีดหรือเหลืองผิดปกติ ไม่ยอมดื่มนมหรือนอน ปัสสาวะน้อย หนาวสั่น ชัก ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด