5 วิธีบรรเทาอาการระคายคอง่าย ๆ ที่ได้ผล

อาการระคายคอเป็นอาการที่เราพบเจอได้บ่อย ๆ มักหายไปได้เองภายในเวลาไม่นานโดยไม่ต้องรักษา แต่อาจสร้างความรำคาญใจ บางครั้งอาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย จึงอาจต้องหาวิธีบรรเทาอาการระคายคอตั้งแต่เนิ่น ๆ 

อาการระคายคอเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้อย่างแพ้ฝุ่นหรือแพ้อาหาร การติดเชื้ออย่างไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ การสูบบุหรี่ การใช้เสียงมาก และร่างกายขาดน้ำ ซึ่งอาการระคายคอมักจะหายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์ แต่การดูแลตัวเองเพิ่มเติมก็อาจช่วยให้อาการระคายคอลดน้อยลงและหายดีได้เร็วขึ้นได้ โดยบทความนี้ได้นำวิธีบรรเทาอาการระคายคอง่าย ๆ มาฝากกัน 

throat irritations

5 วิธีบรรเทาอาการระคายคอด้วยตัวเอง

อาการระคายคอไม่ใช่อาการที่รุนแรง เพียงดูแลตัวเองก็อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ วิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้อาจช่วยบรรเทาอาการระคายคอที่กำลังเผชิญอยู่ได้

1. กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ

การกลั้วปากด้วยน้ำเกลือครั้งละ 15–30 วินาที วันละ 2–3 ครั้ง นั้นมีส่วนช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอ และยังยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก โดยสามารถผสมน้ำเกลือด้วยตัวเองในอัตราส่วนน้ำอุ่นปริมาณ 240 มิลลิลิตรต่อเกลือครึ่งช้อนชา หรือใช้น้ำเกลือบรรจุขวดที่มีจำหน่ายทั่วไป แต่ควรสังเกตภายในบรรจุภัณฑ์ก่อนเสมอ หากพบความผิดปกติใด ๆ ไม่ควรนำมาใช้  

2. ดื่มน้ำอุ่น ชาร้อน หรือซุป

ร่างกายขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดอาการระคายคอ การดื่มน้ำให้เพียงพอจึงเป็นทางแก้ของปัญหานี้นั่นเอง โดยควรเลือกดื่มน้ำอุ่น ชาร้อน หรือซุปอุ่น ๆ นอกจากจะช่วยเพิ่มและคงความชุ่มชื้นในลำคอแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการระคายคอ เจ็บคอ และลดความเหนียวข้นของเสมหะได้ด้วย 

3. รับประทานน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งนิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในช่องปาก เช่น ยาอมแก้เจ็บคอ สเปรย์พ่นคอ น้ำยาบ้วนปาก หรือยาสีฟัน ไม่ใช่เพียงเพราะรสชาติอันหวานหอมที่ทำให้ผู้บริโภครับประทานหรือใช้ผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น แต่น้ำผึ้งยังมีสรรพคุณที่อาจช่วยบรรเทาอาการระคายคอและอาการไอ โดยรับประทานเพียงวันละ 1–2 ช้อนชา หรือนำไปผสมกับเครื่องดื่มอุ่น ๆ ก็ได้เช่นกัน 

ทั้งนี้ การรับประทานน้ำผึ้งอาจไม่เหมาะสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี เพราะเด็กอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคโบทูลิซึม (Botulism) ซึ่งเกิดจากการรับประทานน้ำผึ้งปนเปื้อนสารพิษโบทูลินัม (ฺBotulinum) จากเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคดังกล่าว แม้จะพบได้น้อยมาก แต่ก็อาจส่งผลให้เป็นอัมพาตและอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ 

4. หลีกเลี่ยงสารก่อการระคายคอ

อาการระคายเคืองอาจเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ ฝุ่น สะเก็ดผิวหนังหรือรังแค น้ำลาย หรือปัสสาวะของสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงอาหารที่มีรสเผ็ดมาก หากเราพยายามงดสูบบุหรี่และอยู่ให้ห่างจากควันบุหรี่มือสอง หลีกเลี่ยงหรือจำกัดการสัมผัสและการคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยง เปลี่ยนไปเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายนอกบ้าน หมั่นทำความสะอาดบ้านและดูดฝุ่นเป็นประจำ หรืองดรับประทานอาหารรสเผ็ดร้อนให้ได้มากที่สุดอาจช่วยให้อาการระคายคอลดลง

5. รับประทานยาแก้แพ้

การรับประทานยาแก้แพ้ก็เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการระคายคอจากโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้ เช่น ยาเซทิริซีน (Cetirizine) ยาลอราทาดีน (Loratadine) หรือยาคลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine) แต่หากไม่แน่ใจว่าตัวเองควรรับประทานยาแก้แพ้ชนิดใดควรปรึกษาเภสัชกรก่อนเสมอ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อน

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ดูแลตัวเองด้วยวิธีดังกล่าวแล้วอาการระคายคอยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการระคายคอร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เจ็บคออย่างรุนแรง มีไข้ มีปัญหาในการกลืน หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ลมพิษ หรืออาการบวมบริเวณใบหน้า ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ตรงจุดโดยเร็ว