อาหารวิตามินเคสูง เป็นอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะในด้านระบบการแข็งตัวของเลือดและการสมานตัวของแผล รวมถึงยังอาจมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีส่วนช่วยให้กระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย
วิตามินเคเป็นวิตามินชนิดละลายในไขมัน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ วิตามินเค 1 หรือฟิลโลควิโนน (Phylloquinone) ซึ่งเป็นประเภทที่มักพบได้ในอาหารประเภทผักใบเขียว และวิตามินเค 2 หรือเมนาควิโนน (Menaquinone) ซึ่งเป็นประเภทที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง โดยวิตามินเคทั้ง 2 ชนิดจะมีหน้าที่การทำงานที่คล้ายคลึงกัน
อาหารวิตามินเคสูงที่สามารถหารับประทานได้ใกล้ตัว
ปริมาณการรับประทานวิตามินเคที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน สำหรับผู้ใหญ่เพศชายที่มีสุขภาพปกติ ควรได้รับวิตามินเคในปริมาณประมาณ 120 ไมโครกรัม/วัน ส่วนผู้ใหญ่เพศหญิงที่มีสุขภาพปกติ ควรได้รับวิตามินเคในปริมาณประมาณ 90 ไมโครกรัม/วัน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาอาหารที่มีวิตามินเคสูง อาจลองเลือกจากตัวอย่างดังต่อไปนี้
1. ปวยเล้ง
ปวยเล้งเป็นผักที่มีวิตามินเคที่ค่อนข้างสูง โดยผักปวยเล้งในปริมาณ 100 กรัม จะให้วิตามินเคสูงถึงประมาณ 380 ไมโครกรัม นอกจากนี้ ปวยเล้งยังมีแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอได้ รวมถึงยังมีใยอาหารที่ช่วยดูแลระบบการย่อยอาหารของร่างกายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปวยเล้งเป็นผักที่มีแคลเซียม และออกซาเลต (Oxalates) ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้ที่มีนิ่วในไตได้ หากรับประทานมากจนเกินไป
2. บร็อคโคลี
บร็อคโคลีในปริมาณ 100 กรัม จะให้วิตามินเคที่ประมาณ 180 ไมโครกรัม อีกทั้งยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะวิตามินซี และใยอาหาร
อย่างไรก็ตาม บร็อคโคลีเป็นผักที่มีสารกอยโตรเจน (Goitrogens) ซึ่งเป็นสารที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้หากร่างกายได้รับมากเกินไป จึงควรรับประทานบร็อคโคลีในปริมาณที่เหมาะสม
3. น้ำมันถั่วเหลือง
น้ำมันถั่วเหลืองเป็นน้ำมันที่ใครหลายคนมักมีติดบ้านเอาไว้สำหรับทำอาหาร โดยน้ำมันถั่วเหลืองในปริมาณ 100 กรัม จะให้วิตามินเคสูงถึงประมาณ 193 ไมโครกรัม
อย่างไรก็ตาม การรับประทานน้ำมันถั่วเหลืองควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากน้ำมันถั่วเหลืองเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันโอเมก้า 6 สูง ซึ่งถึงแม้จะเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แต่หากได้รับมากเกินพอดีก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนได้
4. กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีนปริมาณ 100 กรัม จะให้วิตามินเคประมาณ 145 มิลลิกรัม นอกจากนั้น กะหล่ำปลียังมีจุดเด่นคือเป็นผักที่ให้พลังงานต่ำ แต่ให้สารอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะวิตามินซี ใยอาหาร และโฟเลต อย่างไรก็ตาม บางคนอาจพบอาการท้องเสีย ท้องอืด หรือไม่สบายท้องหลังจากรับประทานกะหล่ำปลีในปริมาณมากได้ จึงควรคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมด้วย
5. ผักกาดแก้ว
ผักกาดแก้วในปริมาณ 100 กรัม จะให้วิตามินเคที่ประมาณ 122 ไมโครกรัม พร้อมกันกับวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ดีต่อสุขภาพดวงตาในปริมาณสูง
นอกจากในรูปแบบอาหารทั่วไปแล้ว ในปัจจุบันวิตามินเคยังสามารถหารับประทานได้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเช่นกัน แต่โดยปกติแล้ว การรับประทานอาหารเสริมวิตามินเคมักไม่ค่อยเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากวิตามินเคเป็นสารอาหารที่พบได้ทั่วไปและมักไม่พบผู้ที่ขาดสารอาหารชนิดนี้
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารเสริมวิตามินเค ควรจะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากวิตามินเคอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาในกลุ่มนี้ได้
สุดท้ายนี้ อาหารที่มีวิตามินเคสูงส่วนใหญ่มักจะอยู่ในอาหารจำพวกผัก สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทุกคนควรใส่ใจจึงหนีไม่พ้นเรื่องการล้างทำความสะอาดก่อน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินเคอย่างปลอดภัยและป้องกันผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์