ยาแต้มสิว เป็นยาทาภายนอกที่ใช้ในการรักษาสิว และช่วยลดอาการบวม แดง หรืออักเสบที่เกิดจากสิว ซึ่งยาแต้มสิวมักช่วยรักษาปัญหาสิวในหลาย ๆ ด้าน เช่น ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น ช่วยลดหรือป้องกันรอยแผลที่เกิดจากสิว ทั้งนี้ ควรเลือกใช้ยาแต้มสิวที่มีคุณภาพและเหมาะสมต่อความรุนแรงของสิวที่เกิดขึ้น
สิวเป็นปัญหาทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย ซึ่งสิวมักเกิดขึ้นเมื่อมีน้ำมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือแบคทีเรียอุดตันรูขุมขน จึงอาจทำให้เกิดสิวชนิดต่าง ๆ ตามมา เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ โดยยาแต้มสิวมักออกฤทธิ์ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ผลัดเซลล์ผิว และลดการอุดตันในรูขุมขน ดังนั้น การใช้ยาแต้มสิวจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาสิวที่อาจช่วยให้ปัญหาสิวหมดไป
ยาแต้มสิวที่หาซื้อได้ง่าย ช่วยให้สิวหายไว
ในปัจจุบัน ยาแต้มสิวสามารถหาซื้อได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีส่วนผสมของตัวยาหรือสารต่าง ๆ ที่ช่วยรักษาสิวแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยยาแต้มสิวที่มีประสิทธิภาพดี ช่วยให้สิวหายไวยิ่งขึ้น อาจมีดังนี้
1. คลินดา เอ็ม (Clinda-M) ขนาด 15 มิลลิลิตร
คลินดา เอ็มเป็นยาแต้มสิวที่มีส่วนประกอบของยาคลินดามัยซิน ไฮโดรคลอไรด์ (Clindamycin hydrochloride) ซึ่งช่วยในการกำจัดและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว รวมทั้งยังช่วยลดการอักเสบของสิวอีกด้วย
โดยคลินดา เอ็มเป็นยาที่ใช้ทาภายนอกเพื่อรักษาสิว สามารถทำได้โดยการทาบริเวณที่เป็นสิว วันละ 2 ครั้งหรือหลังจากล้างหน้าตอนเช้า และตอนเย็น โดยไม่ต้องล้างออก
2. เบนแซก เอซี 2.5% (Benzac AC 2.5%) ขนาด 15 กรัม
ยาแต้มสิวยี่ห้อเบนแซก เอซี 2.5% เป็นยาแต้มสิวที่ใช้รักษาสิวอักเสบที่ไม่รุนแรงถึงปานกลาง และสิวอุดตัน โดยเบนแซก เอซีมีส่วนผสมของยาเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ที่ช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว
ยาแต้มสิวเบนแซก เอซีรุ่นนี้มีความเข้มข้นของยาเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์เพียง 2.5% ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพดีกว่าและก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวน้อยกว่า เมื่อเทียบกับระดับความเข้มข้นที่สูงกว่า
โดยก่อนใช้เบนแซก เอซี ควรล้างหน้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง จากนั้นทายาบริเวณที่เป็นสิววันละ 1–2 ครั้ง และทิ้งไว้ 10–20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ทั้งนี้ ควรระวังอย่าให้ยาสัมผัสโดนตา ปาก และเนื้อเยื่ออ่อน หากสัมผัสโดนบริเวณดังกล่าว ควรรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที นอกจากนี้ การใช้ยานี้อาจทำให้ผิวแดงและผิวลอกในช่วงแรกของการใช้ยา ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และสามารถบรรเทาได้ด้วยการทามอยซ์เจอไรเซอร์
3. สมูท อี แอคเน ไฮโดรเจล (Smooth E Acne Hydrogel) ขนาด 7 กรัม
สมูท อี แอคเน ไฮโดรเจล เป็นยาแต้มสิวชนิดเจลที่มีส่วนผสมของยาและสารสกัดต่าง ๆ เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) โอลิโกเปปไทด์-10 (Oligopeptide-10) สารสกัดจากรากขิง น้ำมันจมูกข้าว และชาเขียว ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการอุดตันของรูขุมขน ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ลดอาการอักเสบและการระคายเคืองผิว
โดยยาแต้มสิวสมูท อี แอคเน ไฮโดรเจลอาจเหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบ หรือสิวมีหัว อีกทั้งยาแต้มสิวสมูท อี แอคเน ไฮโดรเจลยังผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ซึ่งผลการทดสอบพบว่าสิวอาจยุบลงภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากใช้งาน และอาจปลอดภัยแม้ผิวแพ้ง่าย
วิธีการใช้ที่แนะนำคือ ทาสมูท อี แอคเน ไฮโดรเจลบริเวณสิว วันละ 2 ครั้ง หลังจากล้างหน้าในตอนเช้าและก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออก เพื่อช่วยรักษาปัญหาสิวให้ดีขึ้น
4. ดอกเตอร์พงศ์ 28เอช ไวต์เทนนิง โดรน แอคเน เคลียร์ สปอต เจล (Dr. Pong 28H whitening drone acne clear spot gel) ขนาด 10 กรัม
ดอกเตอร์พงศ์ 28เอช ไวต์เทนนิง โดรน แอคเน่ เคลียร์ สปอต เจล เป็นยาแต้มสิวที่ช่วยลดการเกิดสิว ลดการอักเสบของสิว ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำรอยแดงจากสิว เนื่องจากมีส่วนประกอบของยาที่ช่วยดูแลปัญหาสิวมากมาย เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ซิงค์ พีซีเอ (Zinc PCA)
ยาแต้มสิวของดอกเตอร์พงศ์ เป็นยาแต้มสิวเนื้อเจล ซึมไว และไม่ทำให้เหนอะหนะ อีกทั้งยังไม่มีส่วนประกอบของสารก่อการแพ้ อย่างพาราเบน น้ำหอม สเตียรอยด์ และแอลกอฮอล์ จึงอาจเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
โดยวิธีใช้ยาแต้มสิวของดอกเตอร์พงศ์อาจเริ่มจากการทายาแต้มสิวลงบนบริเวณที่เป็นสิว โดยไม่ต้องล้างออก
5. เพียวริ แอนตี้ แอคเน เจล (PUERRi anti-acne gel) ขนาด 8 กรัม
เพียวริ แอนตี้ แอคเน เจล เป็นยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของแอคนาซิดอล บีจี (Acnacidol BG) กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) และสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ทีทรีออยล์ สารสกัดจากมังคุด สารสกัดจากหัวหอม ซึ่งช่วยยับยั้งการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดการอุดตันของรูขุมขน รวมทั้งยังช่วยลดรอยสิวอีกด้วย
โดยทาเพียวริบริเวณที่เป็นสิววันละ 2 ครั้ง หลังจากล้างหน้าในตอนเช้าและตอนเย็น โดยไม่ต้องล้างออก
ยาแต้มสิวทั้ง 5 ยี่ห้อที่กล่าวมาข้างต้น เป็นยาแต้มสิวที่สามารถนำใช้เพื่อรักษาสิว ลดการอักเสบของสิว ช่วยให้สิวยุบไว รวมไปถึงลดการอุดตัน และช่วยลดรอยแดงหรือรอยแผลจากสิวที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ การใช้ยาแต้มสิวส่วนใหญ่มักทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ผู้ที่ใช้ยาแต้มสิว ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกข้างนอกเพื่อป้องกันอันตรายจากรังสียูวี หากพบอาการผิดปกติใด ๆ ควรหยุดใช้ยาแต้มสิวและปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
นอกจากการใช้ยาแต้มสิวแล้ว ผู้ที่มีปัญหาสิวควรใช้วิธีดูแลตัวเองต่าง ๆ เช่น ล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำทั้งเช้าและเย็น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน หลีกเลี่ยงการจับใบหน้า และหลีกเลี่ยงการแกะหรือบีบสิว วิธีเหล่านี้อาจช่วยให้ปัญหาสิวลดลงดีขึ้นได้