5 วิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอที่ปลอดภัยและไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพ

หากคุณกำลังมองหาวิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอที่ทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียนสวยงาม คุณควรเลือกรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัย ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเป็นหัตถการที่ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพสูง เพราะหากรักษาติ่งเนื้อที่คอด้วยตัวเองด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดอาการแพ้ อาการระคายเคืองผิวหนัง หรือเกิดแผลตามมาได้

ติ่งเนื้อที่คอโดยส่วนใหญ่ไม่มีอาการใด ๆ และไม่ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสุขภาพ แต่อาจทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียน และรู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่ใส่เสื้อคอกว้าง นอกจากนี้ ติ่งเนื้อที่คออาจเกิดการเสียดสีกับเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่ใส่จนทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังได้เช่นกัน ผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้อาจพิจารณากำจัดติ่งเนื้อที่คอออกด้วยวิธีการต่าง ๆ 

ติ่งเนื้อมักมีลักษณะคล้ายกับหูด จึงอาจทำให้หลายคนสับสนระหว่าง 2 สิ่งนี้ ซึ่งทั้งติ่งเนื้อและหูดอาจมีวิธีรักษาที่ใกล้เคียงกัน แต่ติ่งเนื้อไม่ใช้โรคติดต่อเหมือนกับหูด ผู้ที่มีติ่งเนื้อจึงไม่ต้องกังวลว่าจะติ่งเนื้อจะแพร่ไปสู่ผู้อื่น

วิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอ

วิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่มีติ่งเนื้อที่คอสามารถดูแลติ่งเนื้อในเบื้องต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการระมัดระวังไม่ให้เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับเสียดสีกับติ่งเนื้อที่คอ รักษาความสะอาดอยู่เสมอเพื่อลดการหมักหมมของเหงื่อและแบคทีเรีย 

นอกจากนี้ อาจใช้น้ำมันสกัดจากธรรมชาติ เช่น ทีทรีออยล์ (TEA TREE OIL) โดยนำสำลีมาชุบกับทีทรีออยล์แล้วนำไปทาให้ทั่วผิวหนังบริเวณคอที่เกิดติ่งเนื้อ เพราะอาจช่วยฆ่าเชื้อและช่วยต้านการอักเสบ รวมถึงหากทำต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจช่วยให้ติ่งเนื้อที่คอแห้งและหลุดออกไปได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ที่ต้องการรักษาติ่งเนื้อที่คอ รักษาด้วยหัตถการที่ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพตามมา ซึ่งหัตถการที่แนะนำมีดังนี้

1. การจี้ติ่งเนื้อด้วยไฟฟ้า (Electrocautery)

การจี้ติ่งเนื้อด้วยไฟฟ้าเป็นวิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอโดยใช้ความร้อนผ่านเครื่องมือที่มีเข็มขนาดเล็ก ๆ ในการเผาไหม้บริเวณผิวหนัง และทำให้ติ่งเนื้อหลุดออกไป วิธีการนี้จะใช้เวลาเพียงไม่นานและอาจทำให้เกิดสะเก็ดแผลแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสะเก็ดแผลมักหายภายใน 1–3 สัปดาห์ จึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการรักษาติ่งเนื้อมาก

2. การรักษาด้วยความเย็นจัด (Cryosurgery)

วิธีนี้เป็นวิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอโดยใช้นโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัด โดยทำการฉีดพ่นไนโตรเจนเหลวในปริมาณเล็กน้อยลงบนผิวหนังที่เกิดติ่งเนื้อ เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของติ่งเนื้อ และทำให้ติ่งเนื้อหลุดออกไป วิธีการนี้อาจทำให้เกิดตุ่มหรือสะเก็ดแผล แต่เมื่อตุ่มหรือสะเก็ดแผลพวกนี้หลุดออกไป ติ่งเนื้อก็จะหลุดออกไปด้วย

3. การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser therapy)

การรักษาด้วยเลเซอร์จะเป็นการใช้คลื่นแสงที่มีพลังงานสูงและมีความแม่นยำในการยิงเข้าไปในผิวหนัง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ หรือ Q-switched เลเซอร์ ซึ่งจะทำให้เกิดการเผาไหม้และส่งผลให้ติ่งเนื้อหลุดออกมา โดยการรักษาติ่งเนื้อที่คอด้วยเลเซอร์จะใช้เวลาเพียงไม่นาน และแผลสามารถหายได้ภายในเวลา 3–5 วันด้วย

4. การรักษาด้วยการผูกมัด (Ligation)

วิธีนี้เป็นวิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอโดยใช้ด้ายทางการแพทย์สำหรับการผ่าตัดหรืออาจใช้ไหมขัดฟัน โดยจะนำด้ายหรือไหมมาผูกมัดบริเวณฐานของติ่งเนื้อ เพื่อขัดขวางไม่ให้เกิดการไหลเวียนของเลือด และทำให้ติ่งเนื้อหลุดออกจากผิวหนังไปในที่สุด แต่วิธีนี้อาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์จึงจะสามารถกำจัดติ่งเนื้อออกไปได้หมด

5. การรักษาด้วยการผ่าตัด (Excision)

วิธีนี้เป็นวิธีรักษาติ่งเนื้อที่คอโดยใช้การผ่าตัดขนาดเล็ก ซึ่งจะเป็นวิธีที่รวดเร็วแต่ก็อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดในระหว่างการรักษาเล็กน้อย แพทย์จึงอาจใช้ยาชาเฉพาะที่ในระหว่างการผ่าตัด และหลังจากการผ่าตัดอาจเกิดแผลเล็กน้อย แต่ก็สามารถหายได้ภายในเวลาไม่นานเช่นกัน

หลังจากเข้ารับการรักษาหรือกำจัดติ่งเนื้อที่คอแล้ว คุณควรดูแลแผลที่เกิดจากการทำหัตการอย่างเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการโดนน้ำอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ทายาตามที่แพทย์สั่ง รักษาความสะอาดของแผล ใช้ผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ปิดแผลเอาไว้ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้แผลหายช้าหรือเกิดแผลติดเชื้อตามมา 

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น รู้สึกเจ็บปวดบาดแผล ผิวหนังบวมแดง หรือมีเลือดออก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม