ในปัจจุบันคนหันมาให้ความสนใจบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น เนื่องด้วยความหลากหลายของกลิ่นและรสชาติที่มีให้ผู้สูบเลือกมากกว่าบุหรี่ธรรมดา รวมทั้งหลายคนเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่หลายคนก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ทั้งในด้านสุขภาพและด้านกฎหมาย ซึ่งบทความนี้ได้จะมาช่วยคลายข้อสงสัยเหล่านั้นให้ทุกคนได้ทราบกัน
บุหรี่ไฟฟ้า (E-Cigarette) หรือที่หลายคนเรียกกันว่า พอด (Vape Pod) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดความร้อนแก่น้ำยาที่อยู่ภายในและระเหยออกมาเป็นไอน้ำ แทนการเผาไหม้ใบยาสูบในมวนบุหรี่ธรรมดา โดยตัวน้ำยา (E-Liquid หรือ E-Juice) อาจประกอบไปด้วยสารเคมี เช่น นิโคติน (Nicotine) โพรไพลีนไกลคอล (Propylene Glycol) หรือสารแต่งกลิ่นและรสต่าง ๆ
6 คำถามเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
กลิ่นและรสชาติของบุหรี่ไฟฟ้าอาจดึงดูดให้นักสูบหน้าใหม่และหน้าเก่าหันมาสูบบุหรี่ชนิดนี้กันมากขึ้น แต่หลายคนอาจมีข้อสงสัยหรือความกังวลอยู่ในหัวไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งเรื่องความอันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพของบุหรี่ไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น
1. บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายหรือไม่
ในปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้าจัดเป็นสินค้าต้องห้าม ผู้นำเข้า จำหน่าย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ 2522 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 หรือคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 โดยจะมีโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างกันไปตามที่กฎหมายกำหนด
2. บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายหรือไม่
เนื่องจากน้ำยาในบุหรี่ไฟฟ้าอาจประกอบไปด้วยสารพิษที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ การสูบไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นอันตรายและอาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในหลายระบบอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็น
- นิโคตินอันเป็นต้นเหตุการเสพติด และส่งผลเสียต่อหัวใจ ปอด หรือสมอง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอย่างปัญหาความจำหรือด้านอารมณ์ ภาวะหัวใจขาดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคทางจิตเวช หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- โพรไพลีนไกลคอล และกลีเซอรีน (Glycerine) ทำให้ปอดระคายเคืองและเสี่ยงต่อโรคหอบหืด
- สารแต่งกลิ่นและรสที่อาจก่อให้เกิดโรคปอดอย่าสารไดอะซิติล (Diacetyl)
- สารก่อมะเร็งปอดและมะเร็งอื่น ๆ อย่างฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) หรือเบนซีน (Benzene)
- ฝุ่นขนาดเล็กอย่างฝุ่น PM 10 และฝุ่น PM 2.5
- สารโลหะหนักบางชนิด เช่น ดีบุก ตะกั่ว นิกเกิล หรือโครเมียม
3. บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลเสียต่อร่างกายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาจริงหรือไม่
แม้จะปราศจากควัน แต่ไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้าอาจก่อให้เกิดปอดอักเสบได้ และตราบใดที่ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของสารเคมีเช่นเดียวกับในบุหรี่ธรรมดา ผลกระทบต่อสุขภาพก็อาจรุนแรงไม่ต่างกันมากนัก โดยขึ้นอยู่กับปริมาณ ระยะเวลา และความถี่ในการสูบบุหรี่ด้วย
อีกหนึ่งปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้คือ การระเบิดของบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานการผลิตหรือถูกดัดแปลงด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ดวงตา ช่องปาก ฟัน มือ ต้นขา หรือขาหนีบตามมาได้
4. การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ทำให้ผู้สูบเสพติดจริงหรือไม่
ไม่เป็นความจริง เนื่องจากไอบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกสูดเข้าสู่ร่างกายนั้นประกอบด้วยสารนิโคตินซึ่งมีฤทธ์ทำให้เกิดการเสพติด ผู้สูบจึงติดบุหรี่ไฟฟ้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นที่สมองยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
5. การสูบบุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้จริงหรือไม่
การศึกษาในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานพอจะชี้ชัดได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้ และงานวิจัยบางชนิดยังเผยอีกว่า วัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามาก่อนมีแนวโน้มโอกาสสูบบุหรี่ธรรมดาและสารเสพติดอื่น ๆ มากขึ้น
หากต้องการเลิกบุหรี่ อาจลองทำตามวิธีการเลิกบุหรี่ที่แพทย์แนะนำซึ่งจะเน้นไปที่การบำบัดอย่างถูกวิธีหรือการใช้ยาเลิกบุหรี่แทน
6. ไอน้ำมือสองจากบุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายจริงหรือไม่
ไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นอันตรายต่อทั้งผู้สูบและผู้ที่อยู่รอบข้างที่สูดไอน้ำเข้าไป เนื่องจากไอน้ำอาจมีส่วนประกอบของสารนิโคตินและสารพิษอื่น ๆ จึงอาจทำให้ผู้ที่สูดไอน้ำทางอ้อมเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพได้เช่นเดียวกับผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง
จะเห็นได้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจส่งผลเสียไม่ต่างจากการสูบบุหรี่ธรรมดา ดังนั้น ไม่ว่านักสูบจะเลือกสูบบุหรี่ชนิดใดก็เป็นการทำร้ายสุขภาพทั้งสิ้น ผู้ที่กำลังลังเลหรือสนใจหาซื้อบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้จึงควรพิจารณาถึงผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงความเสี่ยงที่ขัดต่อข้อกฎหมาย ซึ่งอาจทำให้เสียทั้งสุขภาพและทรัพย์สินได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักสูบที่ต้องการเลิกบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า ควรไปปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนการบำบัดหรือเลิกบุหรี่อย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยสิ่งสำคัญคือ กำลังใจจากคนในครอบครัวและคนรอบข้างที่จะเป็นแรงผลักดันให้การเลิกบุหรี่นั้นสำเร็จได้ด้วยดี