การเลือกกินอาหารหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร เช่น การผ่าตัดลำไส้ ทั้งนี้ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าผลไม้บางชนิดห้ามกินหลังผ่าตัด เพราะอาจส่งผลให้ลำไส้หรือระบบย่อยอาหารทำงานหนัก เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น รวมถึงอาจทำให้แผลผ่าตัดหายช้าด้วย
ผลไม้สดอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพมากมาย และอาจช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูจากการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ควรเลือกกินผลไม้อย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพตามมา
6 ผลไม้ที่ห้ามกินหลังผ่าตัด
โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้สามารถกินหลังจากการผ่าตัดได้ตามปกติ โดยสามารถจะช่วยในเรื่องการขับถ่ายและช่วยป้องกันอาการท้องผูกด้วย แต่ผลไม้บางชนิดก็ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 1 สัปดาห์แรกของการผ่าตัด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารได้
โดยผลไม้ที่ไม่ควรกินหลังผ่าตัดมักจะเป็นผลไม้ดิบ ผลไม้เนื้อแข็ง ผลไม้ที่มีเมล็ด ผลไม้ที่สามารถกินได้ทั้งเปลือก รวมถึงผลไม้ที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก ได้แก่
1. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่สามารถกินได้ทั้งเปลือก จึงไม่เหมาะสำหรับการกินหลังจากผ่าตัด เพราะอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักในการย่อยและดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งแอปเปิ้ลยังมีน้ำตาลในปริมาณมาก โดยแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผลมีปริมาณน้ำตาล 19 กรัม ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ง่ายด้วย
2. สาลี่
สาลี่ขนาดกลาง 1 ลูกมีปริมาณน้ำตาล 17 กรัม โดยน้ำตาลที่อยู่ในสาลี่คือน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่อาจส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ อีกทั้งสาลี่ยังมีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำในปริมาณมาก แม้ว่าใยอาหารเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการทำงานของลำไส้ แต่อาจไม่เหมาะที่จะกินในช่วงหลังการผ่าตัดไม่นาน
3. องุ่น
องุ่นเป็นผลไม้ที่สามารถกินได้ทั้งเปลือก อีกทั้งองุ่นหลายชนิดก็มีเมล็ดเล็ก ๆ ที่ยากต่อการคว้านออกก่อนกิน ทำให้บางคนกินอาจองุ่นทั้งเมล็ด จึงไม่ส่งผลดีต่อการทำงานของลำไส้หากกินองุ่นหลังจากผ่าตัด นอกจากนี้ องุ่นยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก โดยองุ่น 1 ถ้วยหรือประมาณ 92 กรัม มีน้ำตาลมากถึง 15 กรัมเลยทีเดียว
4. เชอร์รี่
เชอร์รี่เป็นผลไม้อีก 1 ชนิดที่สามารถกินได้ทั้งเปลือก และเชอร์รี่ 1 ถ้วยหรือประมาณ 138 กรัม มีปริมาณน้ำตาลมากถึง 18 กรัม จึงไม่ควรกินหลังจากผ่าตัด นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเชอร์รี่อบแห้งหรือเชอร์รี่เชื่อมที่อยู่ในขนมหวานด้วย เพราะมีน้ำตาลในปริมาณมากกว่าผลเชอร์รี่สด และอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของลำไส้ได้
5. ลูกพีช
ลูกพีชเป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก โดยลูกพีชขนาดเล็ก 1 ลูกจะมีปริมาณน้ำตาล 11 กรัม ซึ่งในบางกรณี น้ำตาลในลูกพีชอาจทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในลำไส้ และทำให้เกิดอาการปวดท้องหรือท้องอืดตามมาได้ จึงควรหลีกเลี่ยงหากพึ่งเข้ารับการผ่าตัดมาไม่นาน
6. ผลไม้อบแห้ง
ผลไม้อบแห้งมีน้ำตาลฟรุกโตสสูง การกินในปริมาณมากอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ และนำไปสู่อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการกินผลไม้อบแห้งในช่วงหลังจากผ่าตัดไม่นาน เช่น ผลแอปริคอตอบแห้ง หรือลูกพรุนที่ทำมาจากลูกพลัมอบแห้ง
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือกกินผลไม้หลังผ่าตัด
หลังจากการผ่าตัดควรเลือกบริโภคผลไม้เหล่านี้ เพื่อช่วยให้แผลผ่าตัดหายได้เร็วขึ้น
- ผลไม้สุกที่มีเนื้อนิ่ม เช่น กล้วย เพราะง่ายต่อการย่อยอาหารและการดูดซึมของร่างกาย
- ผลไม้ที่ไม่มีเมล็ด หรือผลไม้ที่นำเมล็ดออกและปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว หรือ เช่น มะละกอ หรือแตงโม เพราะจะช่วยให้ลำไส้และระบบย่อยอาหารไม่ทำงานหนักเกินไป
- ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม ส้มโอ หรือมะนาว เพราะสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผลไม้รสเปรี้ยวมีคุณสมบัติในการช่วยต้านการอักเสบ และอาจช่วยให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้นได้
นอกเหนือจากการหลีกเลี่ยงผลไม้ที่ห้ามกินหลังผ่าตัดแล้ว ควรเลือกกินผัก ผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ อย่างหลากหลายในปริมาณที่เหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงควรดื่มน้ำในปริมาณมากตามที่ร่างกายต้องการ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย