อาหารแก้หวัดหลายชนิดมีส่วนช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากหวัด เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ช่วยลดการอักเสบ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในการกำจัดเชื้อโรค ซึ่งโดยปกติแล้ว โรคหวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยตรง การกินอาหารแก้หวัดควบคู่กับการดูแลตัวเองระหว่างที่มีอาการ จะช่วยให้หายจากโรคหวัดได้เร็วขึ้น
เมื่อเป็นหวัดอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและไม่อยากอาหาร แต่การกินอาหารแก้หวัดในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เพียงพอ และสารอาหาร เช่น โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูร่างกายในช่วงที่เป็นหวัดให้หายเป็นปกติได้
รวมอาหารแก้หวัดที่คนป่วยควรกิน
อาหารแก้หวัดที่ช่วยให้หายจากอาการหวัดได้เร็วขึ้น และช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง มีดังนี้
1. ซุปหรือโจ๊กอุ่น ๆ
อาหารอุ่น ๆ เช่น ซุปไก่ แกงจืดไข่น้ำ ซุปมักกะโรนี และโจ๊ก เป็นอาหารแก้หวัดที่กินง่าย เหมาะกับคนที่เป็นหวัดและไม่อยากกินอาหาร อาหารเหล่านี้ให้พลังงานและสารอาหารที่ครบถ้วน เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์และไข่ วิตามินและแร่ธาตุจากผัก อีกทั้งช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ บรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ และคัดจมูกจากหวัดได้ดี
2. ชาร้อน
ชาร้อนเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เป็นหวัด โดยเลือกดื่มชาได้หลายประเภท เช่น ชาเขียว ชาอู่หลง และชาดำ ใบชามีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น โพลีฟีนอล และคาเทชิน (Catechins) ซึ่งช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการกำจัดไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด
หรืออาจเลือกดื่มชาสมุนไพร ซึ่งทำจากสมุนไพรและดอกไม้ที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น บรรเทาอาการเจ็บคอ และขับเสมหะ โดยสามารถผสมน้ำผึ้งและมะนาวที่ช่วยแก้หวัดและช่วยให้ชุ่มคอ เช่น
- ชาคาโมมายล์ มีสารฟลาโวนอยด์สูง มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยให้หายจากโรคหวัดได้เร็วขึ้น และช่วยให้นอนหลับสบาย
- ชาขิงและขมิ้น ช่วยต้านการอักเสบ และการติดเชื้อในร่างกาย จึงอาจช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น
- ชาเอ็กไคนาเซีย (Echinacea) ที่อาจช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดได้
3. ผักใบเขียว
ผักใบเขียว เช่น เคล คะน้า ปวยเล้ง กะหล่ำปลี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ ซี เค ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยสามารถรับประทานสดในเมนูสลัด แซนด์วิช หรือนำไปทำอาหารแก้หวัดในเมนูต่าง ๆ และปั่นเป็นเครื่องดื่มได้ตามชอบ การกินผักใบเขียวจะช่วยให้หายจากอาการหวัดได้เร็วขึ้น
4. ผลไม้วิตามินซีสูง
ผลไม้วิตามินซีสูงเป็นอาหารแก้หวัดที่ดีและหาได้ง่าย มีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคหวัดได้ดีขึ้น โดยผลไม้วิตามินซีสูงที่หาได้ง่ายมีหลายชนิด เช่น ฝรั่ง ส้ม ส้มโอ มะม่วง สับปะรด มะละกอ และแคนตาลูป
5. บร็อคโคลี
บร็อคโคลีเป็นผักในตระกูลกะหล่ำที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบในร่างกาย จึงเป็นอาหารแก้หวัดอีกชนิดหนึ่งที่คนเป็นหวัดควรรับประทาน
6. กล้วย
กล้วยเป็นผลไม้ที่หาได้ง่าย กินได้สะดวก มีคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานกับร่างกาย และย่อยง่าย เป็นอาหารแก้หวัดที่เหมาะกับคนที่ไม่อยากอาหาร กล้วยมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินบี 6 วิตามินซี โพแทสเซียม แมกนีเซียม และโฟเลต อีกทั้งประกอบด้วยน้ำตาลฟรักแทน (Fructans) ที่มีคุณสมบัติในการต้านไวรัส และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี
7. อาหารประเภทโปรตีนไขมันต่ำ
โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ไม่สบาย การกินอาหารที่มีโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคหวัดได้ดีขึ้น อาหารแก้หวัดประเภทโปรตีนที่ควรกินคือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น อกไก่ เนื้อปลาไม่ติดหนัง และโปรตีนจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง และเต้าหู้
8. เครื่องเทศ
เครื่องเทศหลายชนิด เช่น กระเทียม ขิง ขมิ้น พริกไทย มีสรรพคุณทางยา ช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก แก้เจ็บคอ ลดการอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกัน เครื่องเทศเป็นวัตถุดิบที่ใช้เสริมรสชาติให้หลายเมนู ลองใส่เครื่องเทศเหล่านี้ลงไปในเมนูที่ชื่นชอบ เช่น เมนูผัดและซุป ทำให้จานโปรดของคุณกลายเป็นอาหารแก้หวัดที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายในช่วงที่เป็นหวัด
นอกจากการรับประทานอาหารแก้หวัดเหล่านี้ คนที่เป็นหวัดควรพักผ่อนมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการป่วยได้เร็วขึ้น กลั้วคอหรือล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เพื่อช่วยชะล้างน้ำมูกและเสมหะที่ข้นเหนียว และดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อบรรเทาอาการไอ และป้องกันการขาดน้ำ โดยหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ขณะที่เป็นหวัด
หากดูแลตัวเองและกินอาหารแก้หวัดแล้วอาการของโรคหวัดยังไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรืออาการแย่ลง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
