ความหมาย Anisocoria
Anisocoria หรือภาวะรูม่านตาต่างขนาด เป็นภาวะที่ขนาดรูม่านตาไม่เท่ากันระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง โดยอาจเป็นมาตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทั่วไปของร่างกาย การบาดเจ็บบริเวณดวงตา ความผิดปกติในกะโหลกศีรษะหรือสมอง เป็นต้น
โดยปกติแล้ว ขนาดของรูม่านตาสามารถหดหรือขยายได้โดยขึ้นอยู่กับการรับแสง แต่การหดหรือขยายนั้นจะเป็นไปในขนาดเท่ากันระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ทั้งนี้ ภาวะรูม่านตาต่างขนาดอาจหายไปเองหรือมีอาการอื่น ๆ ที่รุนแรงร่วมด้วย โดยจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ
อาการ Anisocoria
ผู้ที่มีภาวะ Anisocoria จะมีขนาดรูม่านตาที่ไม่สมส่วนกัน โดยจะเห็นว่ากลางดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเป็นจุดสีดำวงเล็ก ๆ และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มองเห็นภาพซ้อน ภาพเบลอ หรือสูญเสียการมองเห็น หนังตาตก เจ็บตา ไม่สามารถเคลื่อนไหวลูกตาได้อย่างปกติ ปวดหัว มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการเจ็บตึงที่ต้นคอบริเวณท้ายทอย เป็นต้น หากมีอาการดังกล่าว ควรไปพบแพทย์
สาเหตุของ Anisocoria
ภาวะรูม่านตาต่างขนาดอาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาหยอดตา หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหืด ซึ่งสาเหตุดังกล่าวไม่เป็นอันตราย
อย่างไรก็ตาม อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
- ดวงตาได้รับความบาดเจ็บหรือถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
- เส้นประสาทตาติดเชื้อ ความดันในตาสูงเนื่องจากต้อหิน
- มีเลือดออกภายในกะโหลก
- ชัก
- ความดันภายในกะโหลกเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสมองบวม
- โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองแตก โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- มีเนื้องอกหรือฝีในสมอง
- ปวดหัวไมเกรน
- เส้นเลือดบริเวณคอฉีกขาดหรืออุดตัน ส่งผลให้เกิดภาวะหนังตาตกที่ไม่รุนแรงร่วมด้วยในข้างที่รูม่านตามีขนาดเล็กกว่า
- กลุ่มอาการฮอร์เนอร์
ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะก่อนจะตามมาด้วยภาวะรูม่านตาต่างขนาด ควรเรียกรถฉุกเฉินหรือนำส่งโรงพยาบาลทันที เนื่องจากอาจได้รับกระทบกระเทือนที่รุนแรงบริเวณดวงตา คอ หรือสมอง
การวินิจฉัย Anisocoria
แพทย์จะทำการสอบถามถึงประวัติทางการแพทย์ ทดสอบการเคลื่อนไหวของดวงตาในห้องที่มีแสงและไม่มีแสงเพื่อดูการตอบสนองของรูม่านตาต่อแสง ทำให้แพทย์สามารถเห็นได้หากเกิดความผิดปกติบริเวณรูม่านตา และตรวจดูชีพจร
นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งให้มีการตรวจเพิ่มเติมโดยขึ้นอยู่กับอาการและประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ดังนี้
- การตรวจเลือด เช่น การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การวิเคราะห์จำนวนของเม็ดเลือดขาวแต่ละชนิด เป็นต้น
- การตรวจรูม่านตา โดยแพทย์จะตรวจดูการตอบสนองของรูม่านตาด้วยการฉายไฟ ซึ่งจะตรวจหาว่าม่านตาข้างใดที่มีความผิดปกติ
- การตรวจด้วยกล้องตรวจตา (Slit-lamp Microscope) เป็นการตรวจที่จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นได้ทั้งภายนอกและภายในดวงตา
- การวัดความดันตา ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยอาจเป็นโรคต้อหิน
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram) เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมอง
- การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณศีรษะ
- การเอกซเรย์บริเวณคอ
- การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง
การรักษา Anisocoria
โดยปกติผู้ที่มีภาวะ Anisocoria ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา เนื่องจากเป็นภาวะที่ไม่กระทบต่อสุขภาพตาหรือการมองเห็น จึงไม่ใช่อาการที่เป็นอันตราย โดยบางคนอาจมีภาวะรูม่านตาต่างขนาดชั่วคราวหรือเป็นมีภาวะนี้ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด
อย่างไรก็ตาม หากภาวะดังกล่าวเกิดจากปัญหาทางสุขภาพด้านอื่น ๆ แพทย์จะรักษาตามอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น ในกรณีที่ภาวะดังกล่าวเกิดจากอาการติดเชื้อ แพทย์จะจ่ายยาปฎิชีวนะหรือยาต้านไวรัสชนิดหยอดตา หรือในผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในสมอง แพทย์จะทำการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด หรือการฉายรังสี เพื่อกำจัดเนื้องอก ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยหายจากภาวะ Anisocoria ด้วยเช่นกัน
ภาวะแทรกซ้อนของ Anisocoria
นอกจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากสาเหตุของโรคโดยตรงแล้ว ยังพบได้ว่าขนาดลูกตาดำมีการหดหรือขยายในขนาดที่ต่างกันระหว่างตาทั้งสองข้าง ทำให้การรับแสงในดวงตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน เกิดภาพซ้อน ภาพเบลอ การมองเห็นผิดปกติหรือไม่ชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรืออาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้
การป้องกัน Anisocoria
ภาวะรูม่านตาต่างขนาดอาจเกิดขึ้นโดยไม่สามารถคาดเดาได้ แต่อาจลดความเสี่ยงจากภาวะนี้ได้ด้วยการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันหรืออุปกรณ์เสริมขณะเล่นกีฬาที่จำเป็นต้องมีการปะทะ ขณะขับขี่จักรยานหรือจักรยานยนต์ การคาดเข็มขัดนิรภัย หรือขณะใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ศีรษะและร่างกายได้รับความเสียหายจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หากพบว่าขนาดม่านตามีความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ หรือรู้สึกถึงความผิดปกติด้านการมองเห็นควรปรึกษาแพทย์