Bed Bugs หรือตัวเรือด เป็นแมลงขนาดเล็กที่แอบซ่อนอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ภายในบ้านโดยเฉพาะบนที่นอน แม้จะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ถูกกัด แต่ก็อาจทำให้เกิดตุ่มแดงและมีอาการคัน ซึ่งสร้างความรำคาญใจให้ใครหลายคนได้ จึงควรทำความรู้จักกับแมลงชนิดนี้ให้มากขึ้น และเรียนรู้วิธีการรับมืออย่างได้ผล ดังต่อไปนี้
Bed Bugs คือ อะไร ?
Bed Bugs เป็นแมลงขนาดเล็กที่มีลำตัวแบนเป็นรูปไข่ ตัวยาวประมาณ 1-7 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ไม่มีปีก และดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการดูดเลือดคนหรือสัตว์เป็นอาหาร โดยจะหลบซ่อนอยู่ตามที่นอนหรือเครื่องนอนต่าง ๆ
แมลงชนิดนี้มักอยู่ตามสถานที่ที่มีคนพักอาศัยเป็นจำนวนมาก หรือสถานที่ที่มีคนหมุนเวียนเข้าพักตลอดเวลา เช่น โรงแรม อพาร์ตเมนต์ หอพักนักศึกษา โรงพยาบาล ค่ายทหาร สำนักงาน เป็นต้น ซึ่งหากไม่ถูกกำจัดอย่างเหมาะสม แมลงเหล่านี้อาจแพร่กระจายไปยังที่พักอาศัยอื่น ๆ โดยเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง เสื้อผ้า หรือสิ่งของต่าง ๆ ของผู้ที่เดินทาง
มีอาการอย่างไรเมื่อถูก Bed Bugs กัด ?
Bed Bugs สามารถกัดคนได้ทั่วร่างกาย แต่บริเวณที่พบบ่อย คือ ใบหน้า ลำคอ แขน และมือ โดย Bed Bugs จะใช้เวลาดูดเลือดประมาณ 3-10 นาที และคลานจากไปโดยที่คนไม่ทันสังเกต หลังจากนั้นผิวหนังบริเวณที่ถูกกัดจะเกิดตุ่มแดงและมีอาการคัน ในบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีผื่นหรือตุ่มน้ำขึ้นมาด้วย หากเกาจนเป็นแผลก็อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียตามมาได้ โดยสังเกตสัญญาณของการติดเชื้อได้จากอาการปวด บวม และแดงบริเวณแผล ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากผ่านไปนาน 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ บางรายก็อาจมีอาการแพ้หลังถูกกัด แต่ก็พบได้ไม่บ่อยนัก
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่อาจสับสนระหว่างการถูกยุงกัดกับการถูก Bed Bugs กัด เนื่องจากทำให้เกิดอาการคันได้เหมือนกัน ดังนั้น หากต้องการทราบให้แน่ชัดว่าถูก Bed Bugs กัดก็ควรหาตัวของแมลงให้เจอ แต่แมลงชนิดนี้ก็มีขนาดเล็กมากและหลบซ่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว จึงควรสังเกตจากร่องรอยของ Bed Bugs ดังนี้
- มีคราบเลือดบนหมอนหรือที่นอน
- มีจุดดำซึ่งเป็นมูลของแมลงชนิดนี้ และมีไข่หรือผิวหนังของแมลงที่ลอกคราบทิ้งไว้บนที่นอนหรือสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน
- มีกลิ่นอับที่เกิดจาก Bed Bugs
Bed Bugs กัด รักษาอย่างไร ?
Bed Bugs เป็นแมลงที่ไม่อันตราย รอยแดงและอาการที่เกิดขึ้นจากการถูกกัดจะหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ต้องรักษา และไม่ติดต่อไปสู่ผู้อื่น แต่หากมีอาการคันอย่างรุนแรง อาจใช้การประคบเย็นหรือพอกผิวบริเวณที่ถูกกัดด้วยเบกกิ้งโซดาผสมน้ำ เพื่อลดอาการคันและป้องกันการเกาจนเกิดแผล ซึ่งหากอาการคันยังไม่หายไป หรือมีอาการแพ้และแสบร้อน อาจต้องทายาแก้คันหรือรับประทานยาแก้แพ้ ส่วนในกรณีที่มีการติดเชื้อ อาจต้องใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อรักษาร่วมด้วย
นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการถูกรบกวนหรือถูก Bed Bugs กัดอีก ควรกำจัดตัวและไข่ของแมลงชนิดนี้ให้หมดไป โดยอาจทำตามวิธีดังต่อไปนี้
- ซักทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือเครื่องนอนที่คาดว่ามี Bed Bugs อาศัยอยู่ด้วยน้ำร้อน หรืออบผ้าด้วยความร้อนนาน 30 นาที
- ใช้แปรงขนแข็งสางบนที่นอนเพื่อกำจัดตัวแมลงและไข่ ก่อนดูดฝุ่นทำความสะอาดอีกครั้ง
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นชนิดกำจัดแมลง และนำเศษฝุ่นไปทิ้งในถุงที่ปิดมิดชิด
- ทิ้งเครื่องนอนหรือเฟอร์นิเจอร์ที่มี Bed Bugs อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะหากเก็บไว้อาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของแมลงชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น
- ใช้พลาสติกคลุมที่นอนให้มิดชิด เพื่อป้องกันแมลงเข้าไปอยู่อาศัย
- ซ่อมแซมผนังบ้านและวัสดุใด ๆ ที่แตกหัก เพื่อกำจัดแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลง
- จัดสิ่งของบริเวณโดยรอบที่นอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม Bed Bugs ก็เป็นแมลงที่กำจัดหรือป้องกันได้ยาก เพราะแมลงชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้เป็นเวลาหลายเดือนโดยปราศจากอาหาร ดังนั้น หากต้องการกำจัด Bed Bugs ที่อยู่ภายในบ้านให้หมดไป ควรไปปรึกษาบริษัทกำจัดแมลง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วต้องกำจัด Bed Bugs ด้วยการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง