Buckwheat หรือบักวีต เป็นเมล็ดพืชยอดฮิตในหมู่คนรักสุขภาพ เพราะประกอบไปด้วยแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระหลากชนิด หลายคนจึงเชื่อว่าการรับประทานบักวีตอาจส่งผลดีต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต หรือลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ เป็นต้น
แม้ Buckwheat เป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจากข้าวสาลีหรือข้าวโพด แต่อันที่จริงแล้วเมล็ดพืชชนิดนี้ไม่ใช่ธัญพืช ทว่าผู้บริโภคสามารถนำมารับประทานได้ในรูปแบบเดียวกันกับธัญพืชทั่วไป ทำให้ Buckwheat ถูกจัดอยู่ในตระกูลธัญพืชเทียม (Pseudocereals) เช่นเดียวกับควินัวหรือเมล็ดผักโขม
ข้อมูลทางโภชนาการของ Buckwheat
Buckwheat จัดเป็นเมล็ดพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยบักวีตดิบ 100 กรัม จะให้พลังงานทั้งหมด 343 แคลอรี่ และประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนี้
คาร์โบไฮเดรต บักวีตมีคาร์โบไฮเดรตเป็นองค์ประกอบหลักเช่นเดียวกับธัญพืชหรือธัญพืชเทียมชนิดอื่น ๆ โดยบักวีตดิบ 100 กรัม จะมีคาร์โบไฮเดรตถึง 71.5 กรัม ซึ่งในปัจจุบันมีงานวิจัยที่พบว่าสารประกอบบางชนิดในบักวีตอาจมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและอาจช่วยควบคุมภาวะเบาหวานไม่ให้รุนแรงขึ้นได้ แต่งานวิจัยที่ศึกษาในด้านนี้ยังมีจำกัด จึงจำเป็นต้องรองานวิจัยเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป
เส้นใยอาหาร บักวีตเป็นเมล็ดพืชที่มีเส้นใยอาหารค่อนข้างสูง ซึ่งดีต่อสุขภาพลำไส้และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบักวีตดิบ 100 กรัม จะประกอบด้วยเส้นใยอาหาร 10 กรัม
แร่ธาตุ บักวีตจัดเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุนานาชนิด ทั้งทองแดง แมงกานีส เหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีงานวิจัยพบว่าเมล็ดพืชชนิดนี้มีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าธัญพืชทั่วไป และร่างกายสามารถดูดซึมแร่ธาตุจากบักวีตที่ผ่านการปรุงสุกแล้วได้ง่ายและรวดเร็วกว่า เพราะบักวีตมีปริมาณกรดไฟติกที่เป็นสารยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุซึ่งพบในธัญพืชในระดับต่ำกว่าธัญพืชชนิดอื่น ๆ ด้วย
สารต้านอนุมูลอิสระ บักวีตอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่อาจช่วยป้องกันหรือยับยั้งความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ อันเป็นปัจจัยก่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด เป็นต้น
โดยสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในบักวีต มีดังนี้
- รูติน ส่งผลดีต่อร่างกายในหลายด้าน โดยคาดว่าช่วยลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด และลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้
- เควอซิทิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในพืช เชื่อว่าสารนี้มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจ
- ไวเทกซิน ในปัจจุบันมีงานวิจัยพบว่าสารชนิดนี้ส่งผลดีต่อร่างกายหลายประการ แต่การได้รับสารไวเทกซินในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ต่อมไทรอยด์มีขนาดใหญ่ขึ้นได้
Buckwheat มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือ ?
สารสำคัญต่าง ๆ ที่พบในบักวีตทำให้เชื่อว่าบักวีตอาจดีต่อสุขภาพร่างกายด้านต่าง ๆ รวมถึงอาจมีประสิทธิภาพป้องกันการเกิดโรคบางอย่างได้ จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของบักวีตในแง่มุมต่าง ๆ ไว้ ดังนี้
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
แม้บักวีตจะมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดที่สามารถย่อยได้ง่าย และไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นมากนัก นอกจากนั้น ยังเชื่อด้วยว่าสาร D-Chiro Inositol ในบักวีตอาจมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งอาจดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วย
โดยมีงานวิจัยหนึ่งได้ศึกษาคุณสมบัติของบักวีตในการรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จากการเก็บตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครที่รับประทานบักวีตเป็นอาหารหลักจำนวน 961 ราย พบว่าบักวีตอาจช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้ ซึ่งสอดคล้องกับอีกงานวิจัยหนึ่งที่ศึกษาคุณสมบัติของบักวีตในด้านนี้เช่นกัน โดยให้หนูทดลองที่เป็นโรคเบาหวานรับประทานบัควีตสกัดเข้มข้นแล้ววัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากผ่านไป 90 และ 120 นาที ผลปรากฏว่าระดับน้ำตาลในเลือดของหนูลดลงกว่า 12-19 เปอร์เซ็นต์
แม้ผลการวิจัยจะเป็นไปในทางบวก แต่งานวิจัยแรกเป็นการเก็บข้อมูลจากประชากรจีน หากนำผลลัพธ์มาประยุกต์ใช้กับคนไทยก็อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ ส่วนอีกงานวิจัยหนึ่งก็เป็นการทดลองกับสัตว์ซึ่งไม่อาจเปรียบเทียบผลชัดเจนกับมนุษย์ได้ จึงจำเป็นต้องมีการค้นคว้ากับกลุ่มทดลองขนาดใหญ่ที่เป็นมนุษย์เพิ่มเติมต่อไป เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของบักวีตในด้านนี้ให้แน่ชัด
ลดคอเลสเตอรอล ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงอาจเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยที่กำลังเผชิญภาวะนี้จึงอาจมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูง ซึ่งในปัจจุบันมีงานวิจัยหลายชิ้นศึกษาคุณสมบัติของบักวีตในด้านนี้ พบว่าการรับประทานบักวีตอาจช่วยลดระดับคอเลสตอรอล รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคก็ควรรับประทานบักวีตด้วยความระมัดระวังเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อควรระวังในการรับประทาน Buckwheat
โดยปกติการรับประทานบักวีตในปริมาณที่พอเหมาะนั้นไม่ส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากรับประทานบักวีตปริมาณมากติดต่อกันเป็นประจำ อาจเกิดอาการแพ้บักวีตได้ ซึ่งส่งผลให้ผิวหนังมีผื่นแดง อวัยวะส่วนต่าง ๆ เกิดอาการบวม หรือระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ ดังนั้น หากพบอาการรุนแรงหลังรับประทานบักวีต ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดภาวะช็อก ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตได้