Chickpeas ถั่วลูกไก่ กับประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย

Chickpeas หรือถั่วลูกไก่ เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั่วโลกโดยเฉพาะในทวีปเอเชียและแอฟริกา ซึ่งเป็นถั่วที่มีขนาดเล็ก รูปร่างกลม และมีสีครีม ทั้งยังมีสารอาหารที่ทดแทนการบริโภค เนื้อสัตว์ได้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือผู้ที่ไม่สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้

โดยทั่วไปแล้ว Chickpeas ปริมาณ 28 กรัม จะให้พลังงาน 46 แคลอรี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลังงานที่ได้จากคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ ถั่วชนิดนี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันชนิดที่ดี ไฟเบอร์ รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด จึงเชื่อกันว่า Chickpeas อาจมีส่วนช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักและลดคอเลสเตอรอลได้

Chickpeas

Chickpeas มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ?

เนื่องจาก Chikpeas อุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด หลายคนจึงเชื่อว่าถั่วชนิดนี้อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพและอาจช่วยป้องกันโรคบางชนิดได้ ทำให้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงสรรพคุณของถั่วลูกไก่ในด้านต่าง ๆ ดังนี้

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

โดยปกติแล้ว คนทั่วไปจะมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ประมาณ 70-100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ซึ่งหากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และอาจเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ และเนื่องจาก Chickpeas อุดมไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ ซึ่งมีส่วนช่วยเรื่องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยมีงานวิจัยหนึ่งที่ชี้ว่าถั่วลูกไก่มีค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งค่าดัชนีน้ำตาลเป็นค่าที่บ่งบอกว่าอาหารแต่ละชนิดส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นที่พบว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีถั่วลูกไก่มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับการบริโภคขนมปังขาวหรืออาหารจากข้าวสาลี จึงเชื่อกันว่าถั่วลูกไก่อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นเพียงงานวิจัยที่ทำในประชากรจำนวนไม่มากและทำในระยะเวลาไม่นานเท่านั้น ส่วนงานวิจัยที่ทำเป็นระยะเวลานานเป็นเดือนเพื่อดูผลลัพธ์ในระยะยาวกลับพบว่าการกินถั่วลูกไก่ แป้งสาลี และขนมปังขาว ไม่ได้มีความแตกต่างในด้านการช่วยลดระดับน้ำตาลหรือด้านอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของถั่วลูกไก่ในด้านนี้อีกครั้ง

สร้างเสริมสุขภาพทางเดินอาหารที่ดี

เป็นที่ทราบกันดีว่า Chickpeas อุดมไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งมีประโยชน์ต่อการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหารเป็นอย่างมาก โดยไฟเบอร์ที่พบในถั่วชนิดนี้ส่วนใหญ่เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ โดยไฟเบอร์ชนิดนี้อาจช่วยเพิ่มระยะเวลาการดูดซึมอาหารในลำไส้มากขึ้น ทำให้ลำไส้สามารถดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย

มีงานวิจัยหนึ่งที่พบว่าผู้ที่รับประทานถั่วลูกไก่ในชีวิตประจำวันมีการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่บ่อยขึ้น และยังพบว่าอุจจาระมีลักษณะที่อ่อนลงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานถั่วลูกไก่เลย จึงเชื่อกันว่าการรับประทานถั่วลูกไก่อาจช่วยส่งเสริมการทำงานของลำไส้ได้

ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงของโรคอ้วน

เนื่องจาก Chickpeas เป็นถั่วที่ให้พลังงานหรือแคลอรี่ในปริมาณที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับสารอาหารที่หลากหลาย หลายคนจึงเชื่อกันว่าถั่วชนิดนี้อาจช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ ทำให้มีการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของถั่วลูกไก่ในเรื่องการควบคุมน้ำหนักอยู่บ้าง

งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่พบว่าผู้ที่รับประทานถั่วลูกไก่เป็นประจำมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานถั่วลูกไก่ และยังมีค่าดัชนีมวลกายที่น้อยกว่าอีกด้วย จึงเชื่อกันว่าถั่วชนิดนี้อาจเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วนได้อีกด้วย

ป้องกันโรคเรื้อรังบางชนิด

Chickpeas เป็นแหล่งของแร่ธาตุหลายชนิดอย่างแมกนิเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งเชื่อกันว่าอาจมีประสิทธิภาพในด้านการสร้างเสริมสุขภาพของหัวใจ และยังมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ซึ่งช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยหนึ่งที่ชี้ว่าถั่วลูกไก่อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ เนื่องจากถั่วลูกไก่อุดมไปด้วยซาโปนิน ซึ่งเป็นสารที่อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้ ส่วนวิตามินบีและแร่ธาตุบางชนิดในถั่วลูกไก่ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมและโรคมะเร็งปอดได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของถั่วลูกไก่ในด้านนี้อีกครั้ง

ความปลอดภัยในการรับประทานถั่วลูกไก่

แม้ Chickpeas จะมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคก็ไม่ควรรับประทานถั่วลูกไก่ในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากอาจก่อให้เกิดแก๊สหรือเพิ่มปริมาณแก๊สในร่างกายได้ ควรรับประทานถั่วลูกไก่ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด นอกจากนี้ หากพบว่ามีอาการผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นหลังจากที่รับประทานถั่วชนิดนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำทันที