ไซยาไนด์ (Cyanide) ไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีความอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต โดยหากสารนี้เข้าสู่ร่างกาย จะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วในการยับยั้งการทำงานของเซลล์จนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ การใช้ไซยาไนด์จึงถูกจำกัดอยู่แค่ในวงการการแพทย์หรือในวงการอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้ในเรื่องทั่วไปได้
ไซยาไนด์สามารถพบในพืชบางชนิด เช่น อัลมอนด์ หรือแอปเปิ้ล และยังเกิดได้จากกระบวนการเผาผลาญในร่างกายของมนุษย์ด้วย ไซยาไนด์มักถูกใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ และพลาสติก จึงสามารถพบการปนเปื้อนได้ทั้งในอากาศ ดิน น้ำ และอาหาร อย่างไรก็ตาม ไซยาไนด์ปริมาณเล็กน้อยที่พบในพืชหรือกระบวนการเผาผลาญของมนุษย์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
ทำความรู้จักไซยาไนด์ในรูปแบบต่าง ๆ
ไซยาไนด์มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในรูปแบบของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยแต่ละชนิดมีแหล่งที่มาและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. โซเดียมไซยาไนด์ (Sodium Cyanide: NaCN)
โซเดียมไซยาไนด์มีลักษณะเป็นของแข็งสีขาว อาจอยู่ในรูปของผลึก แท่ง หรือผง พบได้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ใช้ในการเคลือบเงาหรือเคลือบสีเหล็ก และใช้เป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง โซเดียมไซยาไนด์สามารถเข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัสบริเวณปากแผล การสูดดม และหากรับประทานอาจเป็นพิษถึงแก่ชีวิตได้
2. โพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide: KCN)
โพแทสเซียมไซยาไนด์มีลักษณะเป็นก้อนผลึก ผงสีขาว หรือเมื่อเป็นของเหลวจะใสไม่มีสี มีกลิ่นคล้ายอัลมอนด์ มักนำมาใช้ในการสกัดแร่อย่างทองหรือเงิน และยังพบได้ในยาฆ่าแมลง เมื่อโพแทสเซียมไซยาไนด์เจอกับความร้อนจะทำให้เกิดควันพิษ หากเข้าสู่ร่างกายอาจรบกวนการทำงานของอวัยวะภายในจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
3. ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide: HCN)
ไฮโดรเจนไซยาไนด์มีลักษณะเป็นของเหลวหรือแก๊สที่ไม่มีสี พบในควันจากท่อไอเสีย ควันบุหรี่ และควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อสูดดมอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาทส่วนกลาง รวมถึงอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองตามผิวหนังและดวงตาด้วย
4. ไซยาโนเจนคลอไรด์ (Cyanogen chloride: CNCl)
ไซยาโนเจนคลอไรด์มีลักษณะเป็นของเหลวหรือแก๊สที่ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน และเป็นพิษอย่างรุนแรงเมื่อเผาไหม้ จึงอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองเมื่อสูดดมได้
อันตรายจากไซยาไนด์ที่ควรระวัง
ไซยาไนด์สามารเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธี โดยอาจเข้าสู่ร่างกายอย่างฉับพลันหรืออาจเกิดการสะสมต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ซึ่งความรุนแรงของอาการนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของไซยาไนด์ ปริมาณของไซยาไนด์ และระยะเวลาที่ร่างกายได้รับไซยาไนด์
ผู้ที่ได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายจะแสดงอาการภายในเวลาไม่กี่วินาทีหรือภายในเวลา 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับสาร โดยมักจะปรากฎอาการดังนี้
- รู้สึกระคายเคืองบริเวณที่สัมผัสไซยาไนด์ เช่น ผิวหนังหรือดวงตา
- วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้
- ง่วงซึม ร่างกายอ่อนแรง
- รูม่านตาขยาย หายใจติดขัด ตัวเย็น
- ระบบไหลเวียนเลือดทำงานผิดปกติ
- ผิวหนังบริเวณใบหน้าและแขนขากลายเป็นสีม่วง
- มีอาการชัก หมดสติ หรือโคม่า
- หัวใจเต้นช้า และหัวใจหยุดเต้น
วิธีการรับมือเมื่อสัมผัสกับไซยาไนด์
ไซยาไนด์เป็นสารเคมีอันตราย หากสัมผัสกับสารชนิดนี้ควรรีบลดปริมาณสารดังกล่าวให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีการรับมือเมื่อสัมผัสกับไซยาไนด์สามารถทำได้ ดังนี้
การสัมผัสทางผิวหนัง
หากร่างกายสัมผัสกับไซยาไนด์ให้ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออกด้วยการใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าออกเป็นชิ้น ๆ และนำออกจากลำตัว เพราะจะช่วยให้เสื้อผ้าที่ปนเปื้อนไซยาไนด์ไม่ไปสัมผัสกับผิวหนังส่วนอื่น และไม่ควรให้ผู้อื่นสัมผัสร่างกายหรือเสื้อผ้าโดยตรงเพราะอาจได้รับพิษจากไซยาไนด์ไปด้วย จากนั้นให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่เพื่อลดปริมาณสารพิษให้ได้มากที่สุด และรีบนำส่งโรงพยาบาล
การสัมผัสทางการสูดดม
หากสูดดมอากาศที่มีไซยาไนด์ปนเปื้อนควรรีบออกจากพื้นที่ หรือก้มต่ำลงบนพื้นหากไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ หากผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ ต้องทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ห้ามใช้วิธีเป่าปากหรือวิธีผายปอดเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับสารพิษ
การสัมผัสทางดวงตา
หากดวงตาสัมผัสกับไซยาไนด์ควรถอดแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ออก จากนั้นให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 นาที และรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจจากแพทย์
การสัมผัสทางการรับประทาน
หากได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายจากการปนเปื้อนในอาหาร ไม่ควรกระตุ้นให้เกิดการอาเจียน แต่ควรรีบล้างปากด้วยน้ำสะอาดในปริมาณมาก และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
ทั้งนี้ สิ่งของบางอย่างที่ปนเปื้อนไซยาไนด์อาจนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ต้องทำความสะอาดเพื่อกำจัดสารพิษอย่างถูกวิธีก่อนนำกลับมาใช้ ส่วนคอนแทคเลนส์และเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนควรเก็บใส่ถุงพลาสติกที่มิดชิดและกำจัดทิ้งอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
วิธีการป้องกันการสัมผัสกับไซยาไนด์
เราสามารถหลีกเลี่ยงหรือลดโอกาสในการสัมผัสกับไซยาไนด์ได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- เลิกสูบบุหรี่
- เก็บภาชนะที่บรรจุสารเคมีภายในบ้านให้มิดชิดและเหมาะสม
- ควรติดตั้งเครื่องดักจับควัน เนื่องจากไซยาไนด์อาจมีการปนเปื้อนในรูปแบบของควันได้
- ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ควรใช้ภาชนะรองรับสารเคมีที่มีขนาดเล็กที่สุด เพราะอาจช่วยให้ได้รับสารพิษน้อยลงหากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงลดโอกาสในการสัมผัสและการสูดดมสารพิษด้วย
- ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ไม่ควรนำเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่อาจปนเปื้อนไซยาไนด์ออกนอกสถานที่ทำงานหรือนำกลับบ้าน
- ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งเมื่อต้องทำงานกับสารเคมี หรือต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของไซยาไนด์
- ผู้ที่มีความเสี่ยงในการได้รับสารพิษสูง เช่น เกษตรกร ช่างเหล็ก ช่างทอง พนักงานที่อยู่ในกระบวนการการผลิตกระดาษ สิ่งทอ ยาง และพลาสติก รวมถึงผู้ที่ทำงานกำจัดแมลง ควรไปพบแพทย์และเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
หากมีอาการที่อาจเป็นสัญญาณของการได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายเกิดขึ้น ควรรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามขั้นตอนอย่างเหมาะสมและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เพราะการได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เกิดอาการร้ายแรงและส่งผลให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้