HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) คือ วิธียกกระชับผิวหน้าโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่ค่อนข้างปลอดภัยและเห็นผล เดิมที HIFU เป็นกระบวนการรักษาทางการแพทย์สำหรับกำจัดเนื้องอก ต่อมาองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาประกาศให้นำมาใช้ในการศัลยกรรมยกคิ้วได้ รวมทั้งใช้เป็นวิธีเสริมความงามในด้านต่าง ๆ ที่แพร่หลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับผิว ลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้า หรือสลายไขมันในร่างกาย
HIFU ดีอย่างไร ใครบ้างเหมาะกับวิธีนี้ ?
โดยทั่วไปแล้ว HIFU เป็นกระบวนการที่ใช้รักษาเนื้องอก การนำวิธีนี้มาใช้ในด้านการเสริมความงามมักเป็นการยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึง รักษาปัญหาผิวเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย มีกลไกโดยใช้ความร้อนจากคลื่นอัลตราซาวด์ไปทำลายคอลลาเจนเดิมในผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและมีจำนวนมากกว่าเดิม
การทำ HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการยกกระชับผิวหน้าด้วยวิธีทางศัลยกรรม และผู้ที่มีอายุไม่มาก เนื่องจากร่างกายจะซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกความร้อนจากคลื่นอัลตราซาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
เตรียมตัวยกกระชับผิวหน้าด้วย HIFU ได้อย่างไร ?
ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่นหย่อนคล้อยด้วยการทำ HIFU ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับรายละเอียดและผลข้างเคียงจากการทำ รวมทั้งหาข้อมูลสถานเสริมความงามที่น่าเชื่อถือที่ให้บริการดังกล่าว เมื่อตัดสินใจเข้ารับการทำ HIFU ควรเตรียมตัวก่อนทำ ดังนี้
- งดแต่งหน้า ทารองพื้น ทาแป้ง หรือครีมบำรุงผิวหน้าอื่น ๆ ในวันที่จะทำ HIFU
- ผู้ที่เจาะจมูกหรือเจาะตามส่วนอื่นบนใบหน้าควรถอดเครื่องประดับดังกล่าวออกให้หมด
- ผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโรคเริม ควรรับประทานยาป้องกันเชื้อไวรัสเป็นเวลา 2 วัน ก่อนเข้ารับการทำ HIFU
การยกกระชับผิวด้วย HIFU มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?
ในการทำ HIFU แพทย์จะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงยิงไปยังบริเวณผิวหน้าที่ต้องการยกกระชับ ซึ่งมีขั้นตอนโดยละเอียด ดังนี้
ก่อนทำ
แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าผู้ป่วยเพื่อขจัดคราบเครื่องสำอางหรือครีมทาผิว และอาจมีการทาครีมหรือเจลผสมยาแก้ปวด หรือให้รับประทานยาที่มีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลาย
ระหว่างทำ
- ทำความสะอาดผิวและทาเจลก่อนยิงคลื่นอัลตราซาวด์ให้ผู้เข้ารับการรักษา
- วางอุปกรณ์สำหรับทำ HIFU ไว้บริเวณผิวที่ต้องการยกกระชับ แล้วยิงคลื่นอัลตราซาวด์สั้น ๆ ให้ผ่านเข้าไปที่ผิวชั้นใน โดยคลื่นอัลตราซาวด์นี้จะไม่ทำลายผิวชั้นนอกหรือเนื้อเยื่อที่อยู่ล้อมรอบ เมื่อผิวหนังได้รับความร้อนจากคลื่นอัลตราซาวด์ คอลลาเจนเดิมจะสลายไป จากนั้นผิวหนังจะซ่อมแซมเนื้อเยื่อตัวเองและสร้างคอลลาเจนที่มีความยืดหยุ่นขึ้นมาทดแทน ส่งผลให้ผิวหนังกระชับมากขึ้น
หลังทำ
ผู้ที่เข้ารับการทำ HIFU จะมีสภาพผิวดีขึ้น ปัญหาผิวเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อยลดลง เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างใหม่มีความยืดหยุ่นและเพิ่มจำนวนมากขึ้น บริเวณที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุดคือผิวหนังบริเวณสันกรามและเบ้าตา วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนและช่วยยกกระชับผิวให้ตึงเป็นเวลา 1 ปี เหมือนกับการทำเลเซอร์ผิว
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ HIFU ?
หลังเข้ารับการยกกระชับผิวด้วยกระบวนการทำ HIFU แล้ว สามารถกลับไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ตามปกติทันที ส่วนผู้ที่เคยติดเชื้อโรคเริมควรรับประทานยาป้องกันเชื้อไวรัสเป็นเวลา 6 วัน หลังเข้ารับการทำ HIFU
ผลข้างเคียงจากการรักษาผิวด้วย HIFU
ผู้ที่เข้ารับการยกกระชับผิวหน้าด้วยการทำ HIFU เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงต่อผิวหนังบริเวณดังกล่าวได้ ดังนี้
ผลข้างเคียงทั่วไป
- รู้สึกเจ็บที่ผิวหนัง
- ผิวหนังมีผื่นแดง
- มีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำบนผิวหนัง
- เกิดการบวมอักเสบ
- ผิวหนังบวมน้ำ
ผลข้างเคียงรุนแรง ผู้ที่เข้ารับการทำ HIFU อาจเสี่ยงเกิดอาการชาหรืออัมพาตที่เส้นประสาทสั่งการ โดยแขนงเส้นประสาทบริเวณใบหน้าที่มีโอกาสเกิดอัมพาตได้สูงคือเส้นประสาทบริเวณขมับหรือสันกราม อาการดังกล่าวอาจปรากฏขึ้นหลังจากรับการรักษาไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง และจะหายไปภายใน 2-3 สัปดาห์
ข้อจำกัดของการยกกระชับผิวหน้าด้วย HIFU
แม้ HIFU จะเป็นวิธีเสริมความงามที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้น้อยเมื่อเทียบกับวิธีอื่น แต่ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ผิวหนังถูกแสงแดดทำลาย หรือมีเนื้อเยื่อผิวหนังหนาและเสื่อมสภาพมากเกินไป อาจได้รับประสิทธิภาพในการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมาได้น้อย นอกจากนี้ การยกกระชับผิวด้วย HIFU ยังมีข้อจำกัดในบุคคลบางกลุ่ม ผู้ที่ประสบปัญหาสุขภาพหรือมีภาวะต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการทำ HIFU ก่อนตัดสินใจ
- ผู้ที่บาดแผลยังไม่หายดีหรือมีแผลเป็นคีลอยด์
- ผู้ที่มีบาดแผลเปิด สิวซีสต์ หรือมีการฝังโลหะใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการรักษา
- สตรีมีครรภ์