Orgasm (ออกัสซั่ม) หรือการถึงจุดสุดยอด คือภาวะที่กล้ามเนื้อบริเวณอวัยวะเพศเกิดการบีบตัวในขณะที่หลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินซึ่งเป็นสารระงับความเจ็บปวดและทำให้เกิดความผ่อนคลายออกมาจากต่อมใต้สมองในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ เป็นการตอบสนองทางร่างกายที่เกิดขึ้นในวัฏจักรการตอบสนองทางเพศ โดยฝ่ายหญิงจะมีอาการช่องคลอดบีบตัว และฝ่ายชายจะมีการหลั่งอสุจิออกมาด้วย
การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Orgasm และวัฏจักรการตอบสนองทางเพศตามขั้นต่าง ๆ อาจทำให้ทราบถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคลที่มีการตอบสนองทางเพศแตกต่างกันออกไป เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจหรือความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตนมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังอาจส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจได้อีกหลายประการด้วย
Orgasm กับวัฏจักรการตอบสนองทางเพศ
ในกระบวนการมีเพศสัมพันธ์ มนุษย์เราจะมีการตอบสนองทางเพศทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ต่อสถานการณ์และสิ่งกระตุ้นในขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือในขณะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง โดยแต่ละคนอาจใช้เวลาในการตอบสนองแต่ละขั้นตอนแตกต่างกัน เช่น อาจถึงจุดสุดยอดในเวลาที่แตกต่างกัน
วัฏจักรการตอบสนองทางเพศ แบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะตื่นตัว
ในระยะเริ่มแรกที่มีการตอบสนองทางเพศ อาจใช้เวลาหลายนาทีหรือหลายชั่วโมงแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยอาการที่มักปรากฏในระยะนี้ ได้แก่
- กล้ามเนื้อตึงมากขึ้น
- หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจถี่ขึ้น
- เลือดสูบฉีดเร็ว ผิวหนังมีเลือดฝาด หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น และยอดปทุมถันแข็งตัว
- บริเวณคลิตอริสและแคมเล็กของเพศหญิงแข็งบวม
- ช่องคลอดของเพศหญิงมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมา
- ผนังช่องคลอดของเพศหญิงขยายบวมออกมากขึ้น
- องคชาตของเพศชายขยายตัวและแข็งตัวขึ้น
- ลูกอัณฑะของเพศชายบวมโตขึ้น ถุงอัณฑะตึง เริ่มมีการหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาจากองคชาต
ระยะก่อนจุดสุดยอด
ในระยะนี้จะเกิดการตอบสนองทางเพศมากยิ่งขึ้นเพื่อนำไปสู่ระยะ Orgasm หรือการถึงจุดสุดยอด โดยอาการที่ปรากฏจะคล้ายกับอาการที่เกิดในระยะแรก แต่จะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น ดังนี้
- กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ มีความตึงมากขึ้น
- อัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ และความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น
- อาจมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกหรือชาเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า มือ หรือเท้า
- คลิตอริสของเพศหญิงจะไวต่อการสัมผัสมาก และจะหดตัวไปอยู่ใต้หนังหุ้มคลิตอริส เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกระตุ้นจากสิ่งกระตุ้น เช่น องคชาตของเพศชาย
- บริเวณช่องคลอดของเพศหญิงจะบวมอย่างต่อเนื่องจากเลือดที่สูบฉีดเพิ่มขึ้น และผนังช่องคลอดจะมีสีคล้ำขึ้นหรือมีสีม่วง
- ลูกอัณฑะของเพศชายถูกดันกลับขึ้นไปอยู่ในถุงอัณฑะส่วนบน
ระยะ Orgasm
ระยะนี้เป็นช่วงที่การตอบสนองทางเพศถึงจุดสูงสุด เป็นระยะที่ใช้เวลาน้อยที่สุดและจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น โดยมักมีอาการปรากฎดังนี้
- กล้ามเนื้อหดเกร็งตัวอย่างอัตโนมัติ
- อัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ และความดันโลหิตเพิ่มขึ้นสูงที่สุด และทำให้เกิดการสูดอากาศเอาออกซิเจนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
- กล้ามเนื้อที่เท้ามีอาการกระตุกหรือชา
- ความตึงเครียดจากการมีเพศสัมพันธ์ถูกปลดปล่อยและรู้สึกผ่อนคลายลงในทันที
- อาจมีผื่นแดงหรือตุ่มมีเลือดฝาดเกิดขึ้นทั่วร่างกาย (Sex Flush)
- กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดของเพศหญิงเกร็งและบีบตัว มดลูกมีการหดเกร็งตัวเป็นจังหวะ
- กล้ามเนื้อองคชาตของเพศชายจะเกร็งตัวเป็นจังหวะ และหลั่งน้ำอสุจิออกมา
ระยะฟื้นตัว
ในระยะสุดท้ายร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัวจนกลับไปสู่สภาวะปกติ ได้แก่
- เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว
- รู้สึกเหนื่อยล้า หมดแรง
- อวัยวะที่บวมตึงหรือแข็งตัวจะกลับไปมีสีและขนาดเดิมก่อนหน้ามีเพศสัมพันธ์
- เกิดความรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดระหว่างกันและกันในคู่นอนมากขึ้น
นอกจากนี้ เพศหญิงบางคนสามารถมี Orgasm ได้หลายครั้งหากได้รับการกระตุ้นทางเพศอีก ในขณะที่เพศชายต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวหลังจากถึงจุดจุดยอดแล้วนานกว่าเพศหญิง ในระยะฟื้นตัวนี้ เป็นระยะที่เซลล์ในร่างกายเพศชายไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นหรือตอบสนองต่อการกระตุ้นน้อยมาก ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นตัวของเพศชายอาจเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้นด้วย
ปัญหาทางเพศสัมพันธ์ที่อาจส่งผลถึงการ Orgasm
ปัญหาทางเพศสัมพันธ์อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางร่างกาย เช่น ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และสมรรถภาพทางเพศ เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกาย โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือความผิดปกติของระบบประสาท หรืออาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางจิตใจ เช่น ความเครียด ภาวะซึมเศร้า ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือความฝังใจในอดีตเกี่ยวกับเรื่องเพศก็ได้เช่นกัน
ปัญหาทางเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดความกังวลใจในการมีเพศสัมพันธ์ เพราะไม่ก่อให้เกิดความพึงพอใจเท่าที่ควร ไปไม่ถึงจุดสุดยอด หรือไม่มีความสุขกับเรื่องทางเพศ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพกาย ปัญหาสุขภาพจิต และปัญหาความสัมพันธ์กับคู่นอนตามมาได้ ดังนั้น ควรสังเกตอาการและปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพื่อหาทางแก้ไขหรือรักษาอย่างเหมาะสม
ปัญหาเพศสัมพันธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง มีดังนี้
ปัญหาเพศสัมพันธ์ในเพศชาย
ปัญหาเพศสัมพันธ์ที่พบได้ในเพศชาย ได้แก่
1. การหลั่งอสุจิ
เพศชายมักพบปัญหาเกี่ยวกับการถึงระยะ Orgasm และหลั่งอสุจิเร็วหรือช้าเกินไป เช่น มีการหลั่งอสุจิหลังจากเพิ่มเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ทางเพศได้ไม่นาน หรือในบางคนอาจมีการหลั่งอสุจิย้อนทาง คือเมื่อมีการหลั่งอสุจิ น้ำอสุจิไม่ได้ถูกขับออกมาอย่างที่ควรจะเป็น แต่ไหลย้อนกลับเข้าไปตามท่อปัสสาวะภายในองคชาตและไปยังกระเพาะปัสสาวะ มักพบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะปลายประสาทอักเสบจากโรคเบาหวาน
2. ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
เพศชายบางคนอาจมีปัญหาองคชาตไม่แข็งตัวและไม่พร้อมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื้อรัง โดยอาจเกิดจากปัจจัยทางอารมณ์ หรือเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งปัญหานี้สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่นอนได้
3. การไม่มีความต้องการทางเพศ
เพศชายบางคนอาจประสบปัญหาขาดอารมณ์ทางเพศ ไม่สนใจเรื่องเพศ มีความต้องการทางเพศลดลง หรือไม่มีความต้องการทางเพศเลย ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งมักทำให้เพศชายมีกิจกรรมทางเพศน้อยลงหรือไม่มีกิจกรรมทางเพศเลย และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่นอน หรือสร้างความไม่สบายใจต่อตนเองได้
ปัญหาเพศสัมพันธ์ในเพศหญิง
ปัญหาเพศสัมพันธ์ในเพศหญิงมักเกี่ยวข้องกับระยะ Orgasm หรือการถึงจุดสุดยอด เช่น ไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้ ใช้เวลานานกว่าจะถึงจุดสุดยอด หรือรู้สึกไม่พึงพอใจเมื่อถึงจุดสุดยอด นอกจากนี้เพศหญิงบางคนอาจมีภาวะช่องคลอดหดเกร็ง (Vaginismus) หรือภาวะปวดปากช่องคลอดเรื้อรัง (Vulvodynia) จนอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ หรือส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่นอนได้
ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางร่างกายหรือจิตใจที่แตกต่างกันออกไปในเพศหญิงแต่ละคน เช่น
- รู้สึกเบื่อหน่ายในการทำกิจกรรมทางเพศ
- รู้สึกเบื่อหน่ายในความสัมพันธ์กับคู่ครอง
- มีความเครียด ความเหนื่อยล้า หรือมีภาวะซึมเศร้า
- ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศที่ถูกต้อง
- มีความอายหรือความอึดอัดใจที่จะตอบสนองหรือทำกิจกรรมทางเพศให้พึงพอใจที่สุด
- มีความคิดแง่ลบเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ หรือเคยมีประสบการณ์ในแง่ลบเกี่ยวกับเรื่องเพศ
- มีประวัติเคยถูกทารุณกรรมทางเพศ หรือเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- มีปัญหาสุขภาพ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน มีภาวะช่องคลอดแห้ง ระบบประสาทบริเวณอุ้งเชิงกรานได้รับความเสียหาย หรือมีการใช้ยาที่ส่งผลต่อสภาพอารมณ์และความต้องการทางเพศ
การรักษาปัญหาทางเพศสัมพันธ์
การรักษาปัญหาทางเพศสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ผู้ที่ประสบปัญหาควรปรึกษากับแพทย์และคู่นอนของตน เพื่อหาแนวทางในการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป โดยอาจมีวิธีรักษาและแก้ไขปัญหาทางเพศสัมพันธ์ในเบื้องต้นด้วยตนเอง ดังนี้
- ปรับแนวคิด และมีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเพศมากขึ้น
- มีอารมณ์ร่วม มีสมาธิ และใส่ใจคู่นอนในขณะมีเพศสัมพันธ์
- ศึกษากระบวนการมีเพศสัมพันธ์ การกระตุ้นเล้าโลม และการตอบสนองทางเพศ เพื่อให้มีเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น
- ในเพศหญิง อาจฝึกขมิบกล้ามเนื้อช่องคลอด เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการพักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์
แต่หากมีอาหารป่วยที่ส่งกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์และการถึงระยะ Orgasm ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม รวมถึงควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ จนสามารถมีระยะ Orgasm ที่เหมาะสม มีความพึงพอใจในกิจกรรมทางเพศ และหมดปัญหากังวลใจเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ได้ในที่สุด