Oxidative stress หรือออกซิเดทีฟ สเตรส อาจเป็นคำที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นหูนัก แต่ Oxidative stress อาจส่งผลกระทบต่อตัวเรามากกว่าที่คิด เพราะ Oxidative stress เป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพให้มากขึ้น ทั้งโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
Oxidative stress เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดความสมดุลระหว่างอนุมูลอิสระ (Free Radicals) และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งกระตุ้นให้เซลล์เกิดการอักเสบและเสียหาย เมื่อเซลล์อักเสบและเสียหายติดต่อกันก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคบางอย่างได้ ซึ่งการทำความรู้จักกับ Oxidative stress อาจเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้หลายคนวางแผนการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น
Oxidative stress ส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย
เดิมทีอนุมูลอิสระเป็นสารที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย สามารถพบได้ทั่วไปในร่างกายมนุษย์ เมื่ออยู่ในระดับที่เหมาะสม อนุมูลอิสระจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่อนุมูลอิสระเป็นสารที่มีโครงสร้างไม่สมดุล เมื่อมีจำนวนมากขึ้นอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลและเกิด Oxidative stress ได้
Oxidative stress เป็นภาวะและกระบวนการที่กระตุ้นให้ดีเอ็นเอ (DNA) โปรตีน และเยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกายอักเสบและเสียหาย เมื่อเกิดการอักเสบเรื้อรัง เซลล์ก็จะเริ่มเสื่อมและไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยการเสื่อมของเซลล์จะนำไปสู่ความผิดปกติและความเสี่ยงของโรคที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า โรคและปัญหาสุขภาพจำนวนไม่น้อยมีสาเหตุหรือปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการอักเสบและการเสื่อมของเซลล์ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) โรคมะเร็ง โรคสมองและระบบประสาท อย่างโรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ Oxidative stress ยังส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมลง เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจทำให้ผิวมีปัญหาและดูแก่ก่อนวัยได้
Oxidative stress สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์ ทั้งปัญหาสุขภาพทั่วไปที่ไม่รุนแรง ไปจนถึงโรคร้ายแรง นอกจากการเผาผลาญพลังงานแล้ว ปัจจัยภายนอกบางอย่างก็สามารถเพิ่มจำนวนของอนุมูลอิสระและทำให้เกิด Oxidative stress ได้ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รังสียูวี สารเคมี มลพิษในอากาศ และอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง เป็นต้น
การป้องกัน Oxidative stress ควรเริ่มจากการปรับสมดุลของอนุมูลอิสระให้เหมาะสม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พบได้เฉพาะในสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปปรับโครงสร้างของอนุมูลอิสระให้สมบูรณ์ หากเราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพออาจช่วยปรับสมดุลของภาวะร่างกายและยับยั้งการเกิด Oxidative stress ได้
Oxidative stress รับมือได้
ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีที่อาจช่วยยับยั้งการเกิด Oxidative stress และลดความเสียหายของเซลล์ เช่น
1. หยุดพฤติกรรมเสี่ยง
การหยุดและลดพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกเป็นหนึ่งในวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด Oxidative stress เช่น งดสูบบุหรี่ จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำกัดปริมาณน้ำตาลและไขมัน ทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดด จำกัดการใช้สารเคมีและสวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อจำเป็นต้องใช้ สวมหน้ากากอนามัยและใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อลดการได้รับมลพิษ เป็นต้น
2. รับสารต้านอนุมูลอิสระเป็นประจำ
สารต้านอนุมูลอิสระแบ่งออกได้หลายชนิด แต่ที่หลายคนรู้จักและคุ้นเคยมักจะเป็นวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี สังกะสี ลูทีน และไลโคปีน ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติในการปรับอนุมูลอิสระให้เป็นกลาง ช่วยให้ร่างกายสมดุล และลดการเกิด Oxidative stress โดยสามารถพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด โดยเฉพาะในผักและผลไม้หลากสี เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ แครอท มะเขือเทศ บร็อคโคลี่ ผักใบเขียว ชาเขียว กระเทืยม และหอมใหญ่ เป็นต้น
ข้อมูลงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระนั้นมีส่วนช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและ Oxidative stress ได้จริง แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาด้านอื่น ๆ เกี่ยวกับสรรพคุณของสารอนุมูลอิสระเพิ่มเติม
หากใครต้องการใช้อาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก คนท้อง และผู้ที่มีโรคประจำตัว นอกจากนี้ ผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ไม่ควรใช้อาหารเสริมเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดได้
3. ปรับการใช้ชีวิตให้ดีต่อสุขภาพ
การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้นอาจช่วยป้องกันการเกิด Oxidative stress ได้ด้วย เช่น ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ โดยเราควรฝึกการดูแลตนเองด้วยวิธีเหล่านี้หรือวิธีอื่นเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
วิธีเหล่านี้อาจช่วยลดการเกิด Oxidative stress ได้ไม่มากก็น้อย แต่ Oxidative stress และการอักเสบของร่างกายเป็นเพียงสาเหตุส่วนหนึ่งของปัญหาสุขภาพ เนื่องจากอาจมีปัจจัยและสาเหตุอื่น ๆ ที่ส่งผลร่วมด้วย ดังนั้น หากรู้สึกไม่สบาย หรือทราบว่าตนเองมีปัญหาสุขภาพ ร่วมกับมีพฤติกรรมที่อาจเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจาก Oxidative stress ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างเหมาะสม