กินเผ็ดแล้วท้องเสีย เรียนรู้สาเหตุและวิธีการรับมือ

กินเผ็ดแล้วท้องเสียเป็นอาการที่อาจเคยเกิดขึ้นกับบางคนได้ เนื่องจากการกินอาหารที่มีรสเผ็ดมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายของบางคนเกิดการตอบสนองต่อสารบางชนิด และอาจส่งผลเกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร รวมถึงอาจนำไปสู่การเกิดอาการท้องเสียได้

แม้ว่าการกินอาหารรสเผ็ดจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยในเรื่องการเผาผลาญ ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ แต่ร่างกายของคนเราอดทนและตอบสนองต่อความรู้สึกเผ็ดได้มากน้อยแตกต่างกัน กินเผ็ดแล้วท้องเสียจึงสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปในบางคน อย่างไรก็ตาม อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นมักไม่รุนแรงและมักดีขึ้นภายในไม่กี่วัน รวมทั้งสามารถดูแลตนเองเพื่อบรรเทาอาการได้

กินเผ็ดแล้วท้องเสีย เรียนรู้สาเหตุและวิธีการรับมือ

สาเหตุของอาการกินเผ็ดแล้วท้องเสีย

ในพริกมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin) เป็นสารที่ออกฤทธิ์เผ็ดร้อน ยิ่งเรากินอาหารที่มีรสเผ็ดมากเท่าไร ก็จะยิ่งได้รับแคปไซซินในปริมาณมาก และเกิดความรู้สึกเผ็ดร้อนในร่างกายมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งฤทธิ์เผ็ดร้อนของแคปไซซินนี้อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในเยื่อบุกระเพาะอาหาร จนเกิดเป็นอาการท้องเสียตามมาได้ 

สาเหตุที่อาการกินเผ็ดแล้วท้องเสียเกิดขึ้นแค่กับบางคนเท่านั้นเป็นเพราะว่าแต่ละคนมีความต้านทานต่อฤทธิ์ของสารแคปไซซินในระดับแตกต่างกันออกไป บางคนกินเผ็ดแล้วไม่มีอาการอะไรเลย บางคนกินเผ็ดแล้วมีอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหารเพียงเล็กน้อย และบางคนกินเผ็ดแล้วมีอาการท้องเสียมาก รวมถึงอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง แสบท้อง คลื่นไส้ หรืออาเจียน 

วิธีการรับมือเมื่อกินเผ็ดแล้วท้องเสีย

หากอาการกินเผ็ดแล้วท้องเสียเกิดขึ้นเป็นประจำหรือเกิดขึ้นอย่างรุนแรงก็คงไม่ดีต่อสุขภาพมากนัก ผู้ที่ชอบกินอาหารรสเผ็ดจึงควรหาวิธีรับมือหรือป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องเสียขึ้นหลังจากมื้ออาหาร โดยวิธีการรับมือหรือป้องกันอาการกินเผ็ดแล้วท้องเสีย มีดังนี้

  • เมื่อรู้สึกเผ็ดไม่ควรกินน้ำเพราะจะทำให้อาการเผ็ดร้อนในปากรุนแรงกว่าเดิม แต่ควรกินนม น้ำมะนาว ขนมปัง หรือขนมหวานแทนเพื่อช่วยแก้เผ็ด และอาจช่วยการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้
  • เมื่อมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น ควรจิบน้ำเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป หรือหากท้องเสียมากอาจจิบเครื่องดื่มเกลือแร่ ORS เพื่อช่วยทดแทนแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไปด้วย
  • เมื่อมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น ควรกินอาหารอ่อนที่มีรสจืดและมีใยอาหารต่ำ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม
  • เมื่อมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น อาจจิบชาสมุนไพร เช่น ชาขิง ชาสะระแหน่ เพื่อช่วยบรรเทาอาการ รวมถึงอาจกินโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกร่วมด้วย เพราะอาจช่วยให้ลำไส้กลับมาทำงานเป็นปกติได้
  • เมื่อมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้นได้
  • เมื่อรู้ว่ามีอาการกินเผ็ดแล้วท้องเสีย ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารรสเผ็ดทุกชนิดในมื้อต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการขึ้นอีก

อาการกินเผ็ดแล้วท้องเสียที่ควรไปพบแพทย์

แม้ว่าโดยส่วนใหญ่อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นหลังจากการกินอาหารรสเผ็ดจะไม่รุนแรงนัก และสามารถหายได้เองภายในเวลาไม่นานโดยไม่ต้องทำการรักษา แต่หากมีอาการท้องเสียรุนแรงหรือมีอาการผิดปกติ อื่น ๆ เกิดขึ้นร่วมด้วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม 

โดยอาการที่ควรสังเกตมีดังนี้

  • อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นไม่หายไปภายใน 1–2 วัน 
  • มีอาการท้องเสียร่วมกับอาการปวดเกร็งช่องท้องอย่างรุนแรง
  • ท้องเสียมีกลิ่นผิดปกติ อุจจาระมีสีดำ อุจจาระมีเลือดหรือหนองปน
  • มีอาการท้องเสียเกิดขึ้นบ่อยหรือเรื้อรัง เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้แปรปรวน 
  • มีอาการของภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง เช่น หิวน้ำมาก อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ปัสสาวะมีสีเข้ม 

เมื่อได้รู้สาเหตุของอาการกินเผ็ดแล้วท้องเสียพร้อมกับวิธีรับมือและป้องกันแล้ว คุณก็คงจะเกิดความกังวลใจน้อยลงเมื่อมีอาการท้องเสียเกิดขึ้นหลังจากมื้ออาหารรสจัด อย่างไรก็ตาม แม้การกินอาหารรสเผ็ดจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่ก็ควรกินอาหารรสเผ็ดในปริมาณและระดับความเผ็ดที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา