การเป็นไข้ขณะตั้งครรภ์ถือเป็นอาการที่พบได้บ่อยและควรได้รับการรักษาทันที เพราะไม่เพียงส่งผลต่อคุณแม่ตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ลูกน้อยก็อาจได้รับผลกระทบไปด้วย คุณแม่ที่เป็นไข้จึงควรบรรเทาอาการต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อการคลอดและเด็กในครรภ์
แม้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นไข้ส่วนใหญ่จะมีอาการไข้เหมือนคนทั่วไป แต่ก็จำเป็นต้องสังเกตถึงความผิดปกติของอาการมากเป็นพิเศษ หากมีอาการอื่นที่เกิดร่วมกับเป็นไข้ ไม่ว่าจะเป็นอาการหนาวสั่น หายใจไม่อิ่ม ปวดเมื่อยร่างกาย ปวดหัว อ่อนเพลีย คอแข็งตึง อาเจียนหรือท้องเสีย ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ดูแลทราบเพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตัวคุณแม่และทารกในครรภ์
สาเหตุของอาการไข้ในระหว่างตั้งครรภ์
อาการไข้ที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น
- การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection: UTI) อย่างโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือภาวะกรวยไตอักเสบ
- การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Infection) เช่น ไข้หวัดใหญ่ ทอนซิลอักเสบ หรือปอดอักเสบ เป็นต้น
- การติดเชื้อไวรัสในทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ อาการปวด หนาวสั่นและเป็นไข้ที่พบในผู้ตั้งครรภ์อาจมีสาเหตุมาจากภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบ (Chorioamnionitis) ภาวะแท้งติดเชื้อ (Septic Abortion) โรคฟิฟธ์ (Fifth Disease) หรือการติดเชื้อแบคทีเรียลิสเทอเรีย (Listeria) ได้เช่นกัน แต่ทั้งหมดเป็นกรณีที่พบได้น้อย
เป็นไข้ขณะตั้งครรภ์ ทำไมถึงอันตราย ?
ในระหว่างการตั้งครรภ์ หากคุณแม่เป็นไข้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ทารกเจริญเติบโตได้อย่างไม่เต็มที่ และอาจนำไปสู่การแท้งบุตรหรือส่งผลให้ทารกมีภาวะพิการแต่กำเนิดได้ โดยมีการศึกษาพบว่า ผู้ที่เป็นไข้ก่อนตั้งครรภ์หรือมีอาการขณะตั้งครรภ์ในระยะแรกเสี่ยงต่อภาวะพิการแต่กำเนิด โรคปากแหว่งเพดานโหว่ ภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือเกิดความผิดปกติของการปิดของท่อระบบประสาท (Neural Tube Defect: NTDs) สูงกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่มีอาการ อีกทั้งทารกในครรภ์ยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกลุ่มอาการออทิสติกมากขึ้นหากมารดาเป็นไข้ขณะตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรไปพบแพทย์ทันทีหากเป็นไข้สูงติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันระหว่างตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนทั้งระยะสั้นและเรื้อรัง ซึ่งแพทย์อาจสั่งให้มีการตรวจด้านอื่นเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของอาการไข้ อย่างการตรวจตัวอย่างเลือดหรือปัสสาวะ
ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อคุณแม่เป็นไข้ขณะตั้งครรภ์
คุณแม่สามารถบรรเทาอาการไข้ตนเองได้โดยการดื่มน้ำในปริมาณมาก พักผ่อนให้เพียงพอ แต่ไม่ควรนอนพักในอากาศร้อนหรือห่มผ้านวมที่ทำให้ร้อนจนมีเหงื่อออก สวมเสื้อที่ระบายอากาศได้ดีและไม่คับแน่นจนเกินไป อยู่ในที่ร่ม มีอากาศเย็นสบายหรือปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นขึ้น และหากมีอาการเจ็บคอก็สามารถกลั้วคอด้วยน้ำเกลือเพื่อบรรเทาอาการได้
ในกรณีที่ต้องการใช้ยาลดไข้ควรเลือกยาพาราเซตามอล เนื่องจากเป็นยาที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อต้องใช้ในขณะตั้งครรภ์ โดยคุณแม่จำเป็นต้องรับประทานยาในปริมาณที่ฉลากยากำกับอย่างเคร่งครัดและไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ห้ามรับประทานยาแก้อักเสบกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) อย่างไอบูโพรเฟนหรือแอสไพริน นอกจากได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตของทารกได้
ทั้งนี้ ผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ควรหาวิธีป้องกันไม่ให้ตนเองติดเชื้อหรือเป็นไข้ขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสแรกเพื่อป้องกันทารกจากความพิการแต่กำเนิด และในระหว่างตั้งครรภ์ควรใส่ใจสุขภาพตนเองด้วยการล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัด หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือพูดคุยกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารพิษ ควบคุมน้ำหนักและรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดโฟเลตเพื่อช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงทั้งแม่และเด็ก