คนท้องเป็นริดสีดวง เป็นปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยของคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยภาวะนี้นอกจากจะส่งผลให้คุณแม่เป็นกังวลว่าลูกน้อยในครรภ์จะได้รับผลกระทบใด ๆ หรือไม่แล้ว ยังอาจส่งผลให้คุณแม่มีอาการปวด อุจจาระปนเลือด คันบริเวณรูทวาร และอาจคลำพบก้อนเนื้อบริเวณรูทวารอีกด้วย
ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดจากการที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักหรือลำไส้ส่วนปลายเกิดการโป่งพอง โดยโรคนี้เป็นโรคที่สามารถเกิดได้กับทุกคน แต่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์อาจจะมีปัจจัยที่ยิ่งส่งผลให้เกิดได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้ว การเกิดริดสีดวงขณะตั้งครรภ์มักไม่ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ที่รุนแรง และมักหายไปเองหลังจากคุณแม่คลอดลูกน้อยเรียบร้อยแล้ว
สาเหตุที่ทำให้คนท้องเป็นริดสีดวง
ริดสีดวงเป็นโรคที่เกิดจากการที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักหรือลำไส้ส่วนปลายได้รับแรงดันอย่างมากจนเกิดอาการบวมเป็นก้อน ซึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้ในช่วงตั้งครรภ์ก็ได้แก่
1. การขยายตัวของทารกในครรภ์
การขยายตัวหรือการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อาจส่งผลให้หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักได้รับแรงกดทับจนการไหลเวียนของเลือดมีปัญหาจนเกิดเป็นริดสีดวงได้
2. อาการท้องผูก
ปัญหาท้องผูกก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์เช่นกัน โดยคุณแม่ที่มีปัญหานี้อาจพบว่าอุจจาระที่คั้งค้างในลำไส้ไปเพิ่มแรงกดทับหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักจนการไหลเวียนเลือดมีปัญหาได้ นอกจากนี้ การเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรงยังอาจยิ่งส่งผลให้หลอดเลือดได้รับแรงกดทับมากขึ้นอีกด้วย
3. ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่เพิ่มขึ้น
ในช่วงที่ตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายของคุณแม่จะเพิ่มสูงขึ้น โดยฮอร์โมนชนิดนี้ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ผนังของหลอดเลือดดำเกิดการคลายตัว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการบวมได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นยังอาจส่งผลให้คุณแม่เกิดอาการท้องผูก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ยิ่งส่งผลให้คุณแม่เกิดริดสีดวงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
4. ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น
ในช่วงที่ตั้งครรภ์ ปริมาณเลือดในร่างกายของคุณแม่จะเพิ่มขึ้น หลอดเลือดในร่างกายจึงอาจต้องทำงานหนักขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงได้
วิธีรับมือกับปัญหาคนท้องเป็นริดสีดวง
โดยปกติแล้ว ริดสีดวงในคุณแม่ตั้งครรภ์มักไม่ได้ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนใด ๆ และมักจะหายไปเองหลังจากที่คุณแม่คลอดลูก แต่ในระหว่างนี้ คุณแม่ที่เป็นริดสีดวงอาจลองนำวิธีดังต่อไปนี้ไปใช้เพื่อบรรเทาอาการ
- รับประทานอาหารที่มีใยอาหารให้มากขึ้น เช่น ผักและผลไม้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันอาการท้องผูก
- หลีกเลี่ยงการอั้นอุจจาระ การเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรง และการนั่งอุจจาระนานเกินไป
- ออกกำลังกายให้มากขึ้นเพื่อป้องกันอาการท้องผูก
- หลีกเลี่ยงการนั่งท่าเดิมติดต่อกันนาน ๆ โดยให้แบ่งเวลาลุกขึ้นเดินทุก ๆ ชั่วโมง
- ประคบเย็นบริเวณที่ปวด และหากคุณแม่สามารถแช่น้ำอุ่นได้ ก็อาจจะแช่น้ำอุ่นร่วมด้วย โดยให้ทำครั้งละ 10–15 นาที วันละ 2–3 ครั้ง
- หากมีอาการคันหรือเจ็บปวดที่ไม่รุนแรง อาจบรรเทาได้ด้วยการใช้ว่านหางจระเข้หรือน้ำมันมะพร้าวทาบริเวณที่มีอาการ
- รักษาความสะอาดบริเวณที่เกิดอาการให้ดี โดยเฉพาะหลังจากอุจจาระ
- ฝึกท่ากระชับช่องคลอดเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้กลับกล้ามเนื้อบริเวณทวารหนักและลดโอกาสเกิดริดสีดวง
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยารักษาริดสีดวง
ทั้งนี้ วิธีเหล่านี้เป็นเพียงการดูแลตัวเองสำหรับปัญหาคนท้องเป็นริดสีดวงเท่านั้น อีกทั้งแม้ริดสีดวงจะพบได้ในคนท้องค่อนข้างบ่อย คุณแม่ที่มีปัญหานี้ก็ควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองเสมอ และไปพบแพทย์หากเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น อาการปวดเริ่มรุนแรงมากขึ้น และมีเลือดไหลออกมาจากทวารหนัก