ค่าตับสูง เป็นภาวะที่เลือดในร่างกายมีระดับเอนไซม์ตับสูงผิดปกติ โดยภาวะนี้อาจเป็นได้ทั้งกรณีที่ไม่รุนแรงที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หรืออาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะผิดปกติบางชนิด เช่น ภาวะตับอักเสบ (Hepatitis)
เอนไซม์ตับเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ถูกตับผลิตออกมา เพื่อเป็นส่วนสำคัญของระบบการทำงานต่าง ๆ เช่น การแข็งตัวของเลือด การย่อยอาหาร การกำจัดเชื้อโรคและสารพิษต่าง ๆ โดยเอนไซม์ตับมีอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้บ่อยคือ ชนิด AST (Aspartate Transaminase) ชนิด ALP (Alkaline Phosphatase) ชนิด ALT (Alanine Transaminase) และชนิด GGT (Gamma–Glutamyl Transferase)
ค่าตับสูงเกิดจากอะไร ค่าที่ปกติควรเป็นเท่าไร
ในการวัดค่าตับ แพทย์จะนำตัวอย่างเลือดของผู้ที่เข้ารับการตรวจไปตรวจหาระดับเอนไซม์ตับ โดยกลุ่มผู้ที่แพทย์มักแนะนำให้ตรวจคือผู้ที่มีความเป็นไปได้ว่าตับเกิดความเสียหาย หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคตับ
ตัวเลขระดับค่าตับที่ปกติจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งแพทย์จะพิจารณาค่าตับจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุและเพศของบุคคลนั้น
โดยสาเหตุที่ค่าตับมีปริมาณสูงขึ้นอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยาบางชนิด
- ภาวะอ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome)
- ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease)
- ภาวะเหล็กเกิน (Hemochromatosis)
- ภาวะตับอักเสบ
- โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
- ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)
- ภาวะหัวใจวาย (Heart Failure)
- ภาวะเซลล์เม็ดเลือดแดงแตก (Hemolysis)
- การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
- โรคมะเร็งตับ
นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างยังอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะค่าตับสูงมากกว่าปกติได้ เช่น ป่วยเป็นโรคเบาหวาน (Diabetes) หรือคนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคตับ
ค่าตับสูง ป้องกันหรือควบคุมอย่างไรดี
สำหรับการป้องกันหรือควบคุมค่าตับสูง สามารถทำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้
- คุมน้ำหนัก โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ผู้ที่ต้องรับประทานยาใด ๆ ก็ตาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
- ผู้ที่ต้องการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน
- ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแลอย่างเคร่งครัด และคอยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเลือดจากผู้อื่น
- เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ ทั้งชนิดไวรัสตับอักเสบ เอ และชนิดไวรัสตับอักเสบ บี
ทั้งนี้ นอกจากการทำตามวิธีในข้างต้นแล้ว ผู้ที่มีค่าตับสูงควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตัวของตนเองร่วมด้วย เนื่องจากภาวะนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ข้อควรระวังหรือข้อควรปฏิบัติบางอย่างจึงอาจแตกต่างกันไปได้ในแต่ละบุคคล