นั่งไขว่ห้าง 5 ผลเสียต่อสุขภาพที่ควรรู้ และท่านั่งที่ดีต่อสุขภาพ

นั่งไขว่ห้าง คือการนั่งเอาขาข้างซ้ายหรือขวาพาดทับลงบนขาอีกข้าง ซึ่งเป็นท่านั่งที่หลายคนอาจชอบทำบ่อย ๆ แต่อาจไม่รู้ว่าการนั่งไขว่ห้างเป็นประจำสามารถส่งผลเสียต่อระบบประสาท และกระดูกสันหลังได้ 

หลายคนอาจชอบการนั่งไขว่ห้างเพราะเป็นท่านั่งที่ช่วยถ่ายน้ำหนักตัวจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้าง ซึ่งทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นช่วงหนึ่ง หรืออาจชอบเพราะเป็นท่านั่งที่ทำให้ดูทะมัดทะแมง แต่ความจริงแล้วการนั่งไขว้ห้างส่งผลต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันได้มากกว่าที่คิด 

Sitting crossed-leg

5 ผลเสียต่อสุขภาพจากการนั่งไขว่ห้าง

การนั่งไขว่ห้างอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ดังนี้

1. ขาเป็นตะคริว

อาการเจ็บปวดบริเวณขาเฉียบพลันหรือตะคริวกินขา เป็นหนึ่งในอาการที่อาจเกิดขึ้นได้หากนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน เนื่องจากการนั่งไขว่ห้างส่งผลให้กล้ามเนื้อน่องขาหดเกร็งจนเกิดตะคริว โดยอาการอาจหายไปเองหลังผ่านไปสักพัก แต่หากทนอาการเจ็บจากตะคริวไม่ได้สามารถรับมือได้ด้วยการยืดกล้ามเนื้อขา การนวดบริเวณกล้ามเนื้อ หรือการกินยาแก้ปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน

2. ขาชา

การนั่งไขว่ห้างนาน ๆ อาจทำให้ขาชาได้ เพราะขากดทับเส้นประสาทจนไม่สามารถส่งรับสัญญาณความรู้สึกกับสมองได้ตามปกติ โดยนอกจากอาการชา ก็อาจมีอาการชาแปลบ ๆ แสบร้อน หรือมีความรู้สึกเหมือนมีแมลงไต่บนขา ซึ่งอาการชาที่เกิดจากการกดทับเส้นชั่วคราวเรียกว่า พาเรสทีเชีย (Paresthesia) อาการชาชั่วคราวนี้สามารถหายเองได้เมื่อเลิกนั่งไขว่ห้างและขยับขา

3. ภาวะข้อเท้าตก (Foot Drop)

ภาวะข้อเท้าตกคือภาวะที่ไม่สามารถกระดกเท้าส่วนหน้าได้ เวลาเดินจึงอาจทำให้เท้าลากไปตามพื้นจนต้องยกเข่าให้สูงเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าตก โดยปัจจัยที่ทำให้ข้อเท้าตกอาจมาจากการกดทับบริเวณเส้นประสาทที่ขาซึ่งช่วยในการยกเท้าขึ้น โดยการนั่งไขว่ห้างอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เส้นประสาทนี้ถูกกดทับได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างและการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ

4. กระดูกเชิงกรานบิด

การนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานานส่งผลให้กระดูกเชิงกรานหรือกระดูกที่อยู่บริเวณสะโพกบิด ซึ่งจะทำให้สะโพกเอียงแทนที่จะตรงเหมือนปกติ และอาจทำให้กระดูกสันหลังบิดโค้งจนนำไปสู่โรคกระดูกสันหลังคดได้ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่าง และเสียบุคลิกภาพเนื่องจากตัวเอียงไปด้านข้างหรือไปด้านหน้า 

5. ความดันเลือดเพิ่มขึ้น

การนั่งไขว่ห้างแบบเอาข้อเท้าพาดเข่าอาจทำให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้นชั่วคราวได้ แต่ความดันเลือดจะลดลงมาตามปกติเมื่อเปลี่ยนท่านั่ง จึงไม่มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม คนที่มีความดันเลือดสูงอยู่แล้วควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน ๆ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพ

เปลี่ยนจากท่าไขว้ห้างเป็นท่านั่งที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพ 

ในปัจจุบันการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่เลี่ยงไม่ได้ และการนั่งไขว่ห้างก็เป็นหนึ่งในท่าที่หลายคนอาจเลือกมาใช้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการเรียนรู้ท่านั่งที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อช่วยลดปัญหาสุขภาพ ทั้งยังช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดีด้วย โดยท่านั่งที่เหมาะสมมี ดังนี้ 

  • นั่งให้หลังและไหล่ตรง โดยให้ก้นชิดกับเก้าอี้ แขนงอประมาณ 90–120 องศา เท้าวางแนบกับพื้นและเข่างอ 90 องศา ไม่ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง
  • เวลานั่งทำงานควรเลือกใช้เก้าอี้ที่มีระดับความสูงเหมาะสมเพื่อให้เท้าไม่ลอยขึ้น 
  • ใช้เก้าอี้ Ergonomics ซึ่งเป็นเก้าอี้เพื่อสุขภาพ ที่สามารถช่วยรองรับกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อแผ่นหลังส่วนล่างไม่ให้โค้งงอจนเกินไป แต่หากไม่มีเก้าอี้ Ergonomics สามารถใช้หมอนหรือผ้าขนหนูม้วนมารองแทนได้ 
  • ขณะนั่งทำงาน หน้าจอควรห่างจากใบหน้าในระยะประมาณ 1 ช่วงแขน และควรอยู่ในระดับสายตา โดยขอบของจอไม่ควรสูงกว่าระดับสายตาเกิน 2 นิ้ว และไม่ควรต่ำจนเกินไป เพราะอาจทำให้ต้องเงยหรือก้มมอง ซึ่งอาจส่งผลให้หลังโค้งงอได้
  • วางแป้นพิมพ์ให้อยู่ตรงหน้าตัวเอง โดยตัวอักษร G กับ H อยู่ในแนวเดียวกับจมูก เว้นระยะห่างแป้นพิมพ์กับขอบโต๊ะประมาณ 4–6 นิ้ว เพื่อให้มีที่พักมือเวลาพิมพ์ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อข้อมือไม่เกร็งและไม่ปวดข้อมือได้
  • วางเมาส์คู่กับคีย์บอร์ด และวางให้เอื้อมถึงง่ายเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อตึงเกินไป ขณะใช้เมาส์แขนควรอยู่ข้างลำตัว ส่วนมือควรอยู่ต่ำกว่าข้อศอกเล็กน้อย

ทั้งนี้ นอกจากการนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานานจะส่งผลต่อสุขภาพแล้ว การนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานก็สามารถทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า เลือดไหลเวียนน้อยลง และอาจทำให้เป็นออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ได้ ดังนั้นนอกจากเลิกนั่งไขว่ห้างและปรับท่านั่งให้เหมาะสมแล้ว ควรลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายสั้น ๆ ให้บ่อยครั้งเพื่อช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้