หลายคนอาจคิดว่าน้ำตาไหลเกิดขึ้นเฉพาะตอนร้องไห้ ตอนหาว หรือตอนหัวเราะเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วยังมีสาเหตุและปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้น้ำตาไหลออกมาได้เช่นกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ศึกษาได้จากบทความนี้
ที่มาและความสำคัญของน้ำตา
การกะพริบตาในแต่ละครั้งจะมีการผลิตน้ำตาเกิดขึ้นจากต่อมน้ำตาบริเวณหัวตาทั้ง 2 ข้าง โดยน้ำตาจะช่วยทำความสะอาดดวงตาจากฝุ่นละออง ควัน สิ่งแปลกปลอม รวมถึงสารพิษหรือสารเคมีที่อาจกระเด็นเข้าดวงตา อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ใช้ในการมองเห็น
สาเหตุที่ทำให้น้ำตาไหล
นอกจากการร้องไห้เสียใจ น้ำตาไหลอาจเป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ความผิดปกติของต่อมไขมัน ที่อยู่บริเวณเปลือกตา หากต่อมนี้ผลิตไขมันได้ไม่เพียงพอ จะทำให้น้ำตาระเหยเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ตาแห้งและทำให้น้ำตาไหลได้ในที่สุด
- ตาแห้ง แม้ต่อมไขมันที่เปลือกตาจะทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ก็สามารถทำให้เกิดอาการตาแห้งจนส่งผลให้มีน้ำตาไหลออกมาได้เช่นกัน ทั้งนี้ อาการตาแห้งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น การอยู่ในช่วงหมดประจำเดือน การใช้ยาต้านฮิสตามีนหรือยาแก้แพ้ การอยู่ในสถานที่ที่มีลมแรงหรือมีควันบุหรี่ รวมถึงโรคแพ้ภูมิตัวเองอย่างโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
- ภูมิแพ้ การเผชิญกับสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ อย่างมลภาวะ ฝุ่น หรือควันในอากาศ สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง และไรฝุ่น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำตาไหลได้ โดยอาจเกิดขึ้นร่วมกับอาการตาแดงและคันตาด้วย
- ท่อน้ำตาอุดตัน ปกติแล้วต่อมน้ำตาจะทำหน้าที่ผลิตน้ำตาออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงดวงตา จากนั้นน้ำตาจะไหลลงไปที่ท่อน้ำตาบริเวณจมูก เมื่อท่อน้ำตาแคบลงหรืออุดตันจะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองที่ดวงตาและทำให้มีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีอายุมากขึ้น หรือเกิดการบาดเจ็บ การอักเสบ รวมถึงการติดเชื้อ
- เยื่อบุตาอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้จากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือสารก่อภูมิแพ้ ส่งผลให้มีน้ำตาไหลออกมามาก ร่วมกับมีอาการตาแดง คันตา ปวดตา มองเห็นไม่ชัด มีเมือกหรือหนองในตา
- ตากุ้งยิง ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้มีตุ่มนูนแดงขนาดเล็กเหมือนสิวเกิดขึ้นที่เปลือกตา ทำให้รู้สึกเจ็บและมีน้ำตาไหลออกมามาก
- ปัญหาของกระจกตา กระจกตาเป็นเนื้อเยื่อใสและโปร่งแสงที่อยู่ชั้นนอกสุด ซึ่งเป็นด่านแรกที่จะช่วยป้องกันเชื้อโรค สิ่งสกปรก รวมถึงสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่อาจทำให้กระจกตาอักเสบหรือมีรอยขีดข่วน หากกระจกตามีปัญหาจะส่งผลให้เกิดอาการระคายเคือง มีน้ำตาไหล ปวดตา ตาแดง หรือตาแพ้แสงได้ง่าย
- ความผิดปกติของเส้นประสาทบนใบหน้า เกิดจากเส้นประสาทบนใบหน้าบวมหรืออักเสบ ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต ทำให้หลับตาไม่ได้หรือไม่สนิท จึงเกิดอาการตาแห้ง และมีน้ำตาไหลออกมาในที่สุด
- สาเหตุอื่น ๆ เช่น เกิดขนตาคุด มีน้ำหอมหรือสารเคมีกระเด็นเข้าตา รับการผ่าตัดบริเวณใบหน้า หรือใช้ยาบางชนิด เป็นต้น
วิธีที่ช่วยทำให้น้ำตาหยุดไหล
การรักษาอาการน้ำตามไหลที่ผิดปกติอาจทำได้ตามต้นเหตุที่ทำให้น้ำตาไหล เช่น หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ รับประทานยาต้านฮิสตามีนในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ใช้ยาหยอดตาหรือน้ำตาเทียม รับประทานยาปฏิชีวนะในรายที่มีน้ำตาไหลจากการติดเชื้อ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นแล้ววางหรือประคบที่ตาวันละหลาย ๆ ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการท่อน้ำตาอุดตัน หรืออาจต้องเข้ารับการผ่าตัดในรายที่มีอาการท่อน้ำตาอุดตันอย่างรุนแรง เป็นต้น ทั้งนี้ การรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และอาการของผู้ป่วยแต่ละรายเป็นสำคัญ
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
ปัญหาน้ำตาไหลส่วนมากมักมีอาการไม่รุนแรงและจะดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่หากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีน้ำตาไหลออกมามากหรือไหลนานผิดปกติ ตาแดง ระคายเคือง ปวดตา ตาบวม มีรอยช้ำรอบดวงตาโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกตึงบริเวณโพรงจมูก ปวดศีรษะรุนแรงพร้อมกับมีน้ำตาไหล พบสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ใต้เปลือกตา มีเลือดไหลออกจากดวงตา มองเห็นไม่ชัดเจน หรือสูญเสียการมองเห็น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป