ปราวาสแตติน (Pravastatin)
Pravastatin (ปราวาสแตติน) เป็นยารักษาไขมันในเลือดสูงที่ใช้ควบคู่กับการควบคุมอาหาร การลดน้ำหนัก และการออกกำลังกาย โดยตัวยาจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) และไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) เพิ่มระดับคอเรสเตอรอลชนิดที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างภาวะหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง และอาจนำไปใช้รักษาปัญหาสุขภาพอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์
เกี่ยวกับยา Pravastatin
กลุ่มยา | ยากลุ่มสแตติน (Statin) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาไขมันในเลือดสูง และลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category X ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือในสตรีที่อาจตั้งครรภ์ เพราะจากการศึกษาในมนุษย์และสัตว์แสดงให้เห็นว่า ทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์มนุษย์และตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ หรือพบหลักฐานยืนยันว่า เกิดความเสี่ยงที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ การใช้ยามีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติสูงกว่าประโยชน์ที่อาจได้รับอย่างชัดเจน เช่นเดียวกันกับผู้ให้นมบุตรที่ห้ามใช้ยานี้ เพราะยาอาจซึมผ่านน้ำนมไปสู่ทารกได้ |
คำเตือนในการใช้ยา Pravastatin
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยา Pravastatin รวมถึงยาและสารอื่น ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยานี้จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง เช่น ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ยาโคลชิซิน (Colchicine) ยาเดปโตมัยซิน (Daptomycin) ยาเจมไฟโบรซิล (Gemfibrozil) ยาในกลุ่มไฟเบรต (Fibrates) หรือยาที่มีส่วนประกอบของไนอะซิน (Niacin)
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการใช้ยาหากผู้ป่วยมีประวัติทางสุขภาพ โดยเฉพาะโรคตับ โรคไต ค่าการทำงานของตับผิดปกติ ปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ หรือการดื่มสุราในปริมาณมาก
- แจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือการรักษาทางทันตกรรมใด ๆ
- หลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ขณะใช้ยานี้ เพราะอาจไปเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพตับ และส่งผลให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์เพิ่มสูงขึ้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือคอเลสเตอรอลสูง เพราะอาจทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้น้อยลง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานเกรปฟรุต (Grapefruit) หรือผลิตภัณฑ์จากเกรปฟรุต เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
- ห้ามรับประทานผลิตภัณฑ์จากข้าวยีสต์แดง (Red Yeast Rice) ซึ่งเป็นข้าวที่นำไปหมักกับยีสต์บางชนิด เนื่องจากบางผลิตภัณฑ์อาจมีส่วนผสมของยาโลวาสแตติน (Lovastatin) หากรับประทานร่วมกับยา Pravastatin อาจเสี่ยงต่อปัญหากล้ามเนื้อและตับที่รุนแรง
- ยานี้อาจทำให้กล้ามเนื้อสลายตัว จึงควรเฝ้าระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยโรคไตหรือภาวะไทรอยด์ต่ำ อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตวายได้
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร เพราะตัวยาอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หรือซึมผ่านน้ำนมแม่ไปสู่ทารกแรกคลอดได้ หากผู้ป่วยวางแผนจะตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที เพราะอาจต้องหยุดใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ
- ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ในการคุมกำเนิดที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ขณะใช้ยานี้
ปริมาณการใช้ยา Pravastatin
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้
ไขมันในเลือดสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจ
ตัวอย่างการใช้ยา Pravastatin เพื่อรักษาไขมันในเลือดสูง และลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 10–40 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้งในตอนเย็น โดยอาจปรับปริมาณตามการตอบสนองต่อยาทุก 4 สัปดาห์ ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 80 มิลลิกรัมต่อวัน
เด็กที่มีอายุ 14–18 ปี หากมีภาวะไขมันในเลือดสูงอันเนื่องมาจากพันธุกรรมให้รับประทานยาปริมาณ 10–40 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
เด็กที่มีอายุ 8–13 ปี หากมีภาวะไขมันในเลือดสูงอันเนื่องมาจากพันธุกรรมให้รับประทานยาปริมาณ 10–20 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
การใช้ยา Pravastatin
วิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัยมีดังนี้
- รับประทานยาตามฉลากยาหรือตามที่แพทย์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากแพทย์อาจปรับปริมาณการใช้ยาบ่อยครั้ง หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเสมอ
- รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้ แต่ควรรับประทานในเวลาเดียวกันของทุกวัน
- หากต้องรับประทานยาลดคอเลสเตอรอลชนิดอื่น เช่น ยาที่ไปจับกับกรดน้ำดี (Bile Acid Sequestrants: BAS) ผู้ป่วยควรรับประทานยา Pravastatin อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนรับประทานยาลดคอเลสเตอรอลชนิดอื่น หรืออย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังรับประทานยาชนิดดังกล่าวไปแล้ว เพราะอาจลดการดูดซึมยา Pravastatin ได้
- ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องหยุดใช้ยาสักระยะหากรับประทานยานี้แล้วเกิดอาการชักที่ไม่สามารถควบคุมได้ ภาวะไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย ระดับความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรง การติดเชื้อหรืออาการป่วยที่รุนแรง หรือต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือการรักษาฉุกเฉิน
- การใช้ยาชนิดนี้จะควบคู่ไปกับการคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการควบคุมน้ำหนักภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์อย่างเหมาะสม โดยผู้ป่วยอาจใช้เวลานานถึง 4 สัปดาห์จึงจะควบคุมระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในระหว่างนี้อาจต้องเข้ารับการตรวจเลือดบ่อยครั้ง
- รับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
- หากผู้ป่วยลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงช่วงเวลาของยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามเวลาปกติ โดยห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า
- หากผู้ป่วยใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนดและเกิดอาการที่รุนแรงอย่างหมดสติหรือมีปัญหาในการหายใจ ควรรีบพบแพทย์ทันที
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความชื้น ความร้อน และแสงแดด โดยเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Pravastatin
ยา Pravastatin อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อต่อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ และมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น คัดจมูก จาม หรือเจ็บคอ ซึ่งหากอาการเหล่านี้ไม่ทุเลาลงหรือมีอาการแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น
ในกรณีที่ผู้ป่วยพบอาการที่รุนแรงหรือพบได้ยาก ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์โดยด่วน อาทิ
- มีสัญญาณของการแพ้ยา เช่น ผื่น คัน ลมพิษ หายใจลำบาก เวียนศีรษะอย่างรุนแรง อาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอ
- กล้ามเนื้อบริเวณสะโพก หัวไหล่ คอ และหลังอ่อนแรง
- มีปัญหาในการยกแขน การปีนป่าย หรือการยืน
- มีปัญหาด้านความจำ สับสน
- การใช้ยา Pravastatin ส่งผลให้โรคเบาหวานมีอาการแย่ลง แต่พบปัญหานี้ได้น้อย
- มีปัญหาเกี่ยวกับตับ เช่น เบื่ออาหาร ปวดท้องด้านบนขวา เหนื่อยล้า ปัสสาวะเป็นสีเข้ม คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง ตาเหลือง ตัวเหลือง
- มีปัญหากล้ามเนื้อสลายตัวที่อาจนำไปสู่โรคไตวาย เช่น ปวดกล้ามเนื้อ มีจุดกดเจ็บ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะเมื่อมีไข้ เหนื่อยล้าผิดปกติ หรือมีปัสสาวะสีเข้มร่วมด้วย
การรับประทานยา Pravastatin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ได้ หากผู้ป่วยพบความผิดปกติใด ๆ ทั้งในระหว่างรับประทานยาและหลังหยุดรับประทานยาไปแล้ว ควรขอคำแนะนำหรือเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ดูแลเพิ่มเติมต่อไป