ผดขึ้นหน้าหรือผดร้อน (Miliaria) คือตุ่มผื่นคันเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นเป็นแถบบนใบหน้า ซึ่งมักเกิดในช่วงหน้าร้อน นอกจากบริเวณใบหน้าแล้ว ในผู้ใหญ่อาจพบผดขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่มีรอยย่นเป็นชั้น หรือบริเวณผิวหนังที่เกิดการเสียดสีกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายบ่อย ๆ ส่วนในเด็ก มักพบผดขึ้นตามลำคอ ไหล่ หน้าอก รักแร้ ข้อพับศอก หรือขาหนีบ
แม้ผดขึ้นหน้าไม่ใช่อาการป่วยที่ร้ายแรง แต่ก็สร้างปัญหาทำให้เกิดอาการคัน รู้สึกไม่สบายตัว และสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว และเนื่องด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่อยู่ในเขตร้อนชื้น หลายคนจึงอาจวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาผดขึ้นหน้า อย่างไรก็ดี หากเรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผดขึ้นหน้า ย่อมเป็นโอกาสที่ดีในการเตรียมความพร้อมป้องกัน รับมือ หรือรักษา เมื่อต้องเผชิญปัญหานี้ด้วยตนเอง
ทำความรู้จักกับผดขึ้นหน้า
ผดขึ้นหน้าแบ่งออกเป็น 4 ชนิดตามระดับความรุนแรงของอาการและความลึกของการอุดตันในต่อมเหงื่อ ได้แก่
- มิลิอาเรีย คริสตัลลินา (Miliaria Crystallina) เป็นผดชนิดรุนแรงน้อยที่สุด เกิดอาการขึ้นที่ชั้นผิวด้านบนสุด โดยผดจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส ๆ ที่แตกออกโดยง่าย
- มิลิอาเรีย รูบรา หรือ ผดแดง (Miliaria Rubra) เกิดอาการขึ้นที่ผิวหนังชั้นนอกส่วนที่ที่ลึกลงไป มีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการคันหรือชายิบ ๆ ตามผิวหนังในบริเวณที่เกิดผด
- มิลิอาเรีย โพรฟันดา (Miliaria Profunda) เกิดอาการขึ้นที่ผิวหนังชั้นใน หรือชั้นหนังแท้ มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงระเรื่อ ซึ่งเป็นเหงื่อที่อุดตันอยู่ภายในชั้นผิว มีลักษณะคล้ายตุ่มผิวหนังในขณะที่ขนลุก ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว คันยิบ ๆ หรือเจ็บปวดคล้ายถูกเข็มตำ
- มิลิอาเรีย พัสตูโลซา หรือ ผดหนอง (Miliaria Pustulosa) เป็นการอักเสบหรือการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณที่เป็นผด ผดที่เกิดจะปรากฏเป็นตุ่มที่มีหนองอยู่ภายใน
สาเหตุของผดขึ้นหน้าที่ควรรู้
ผดขึ้นหน้ามีสาเหตุมาจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อ หากเราอยู่ในที่ที่อากาศร้อนและมีความชื้นสูงจนผลิตเหงื่อออกมามากกว่าปกติ อาจทำให้เกิดการอุดตันของต่อมเหงื่อภายในชั้นผิวหนัง ปรากฏเป็นผดผื่นอักเสบหรือผดผื่นคันขึ้นตามใบหน้า
ส่วนปัจจัยที่อาจมีอิทธิพลทำให้ต่อมเหงื่ออุดตันจนเกิดผดขึ้นหน้า ได้แก่
- อายุ ในเด็กแรกเกิด ต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ จึงอาจเกิดความเสียหายภายในต่อมเหงื่อ ที่ทำให้เกิดผดผื่นขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทารกที่ต้องอยู่ในตู้อบ มีไข้ หรือสวมใส่เสื้อผ้าปกคลุมจนทำให้เกิดความร้อน
- สภาพอากาศร้อนชื้น ผู้ที่อยู่ในโซนหรือทวีปที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น มีแนวโน้มความเสี่ยงมีผดขึ้นหน้ามากกว่าผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่เขตอบอุ่น
- การทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง เช่น การออกกำลังกาย การทำงานที่ต้องใช้แรงอย่างหนัก ซึ่งทำให้มีเหงื่อออกมากและมีผดขึ้นหน้า
- ผิวหนังได้รับความร้อนมากเกินไป เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ที่ทำให้เกิดความร้อน หรือเครื่องแต่งกายที่ไม่เปิดให้ผิวหนังระบายเหงื่อและความร้อนออกไปได้ มีไข้สูง นอนอยู่บนเตียงนานเกินไป
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น มีประจำเดือน
- ผิวหนังถูกปิดทับ เช่น การใช้ยาในรูปแผ่นแปะผิวหนัง
- ร่างกายไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้ เช่น ผู้ที่เคยอยู่ในเขตอากาศอบอุ่น เดินทางไปอยู่อาศัยในพื้นที่เขตอากาศร้อนชื้นก็อาจเกิดผดผื่นขึ้นตามผิวหนังได้ โดยร่างกายจะปรับตัวและอาการอาจค่อย ๆ ดีขึ้นหลังจากนั้น หรืออาจใช้เวลานานหลายเดือนกว่าร่างกายจะปรับตัวได้
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการผดขึ้นหน้าได้ เช่น เบททานีคอล (Bethanechol) ที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีเหงื่อออกมาก ไอโซเตรทติโนอิน (Isotretinoin) ที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในรูขุมขน
- แบคทีเรีย เชื้อแบคทีเรียบางชนิดอาจทำให้เกิดผดขึ้นหน้าได้ เช่น สแตฟิโลค็อกซิ (Staphylococci)
- รังสีอัลตร้าไวโอเลต บางงานวิจัยค้นพบว่า ผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับรังสียูวี มีโอกาสเกิดผดชนิดมิเลียเรีย คริสตัลลินา (Miliaria Crystallina) ซึ่งเป็นผดที่มีตุ่มหนอง
นอกจากนี้ ผดขึ้นหน้าก็อาจเป็นผลมาจากโรคบางอย่าง เข่น โรคทางระบบต่อมไร้ท่อ ชนิดซูโดไฮโปอัลโดสเตอโรนิซึม แบบที่ 1 (Type I Pseudohypoaldosteronism) ซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมน หรือมอร์แวน ซินโดรม (Morvan Syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และอาจทำให้เกิดผดแดงขึ้นตามผิวหนังได้ แต่มีโอกาสพบได้น้อยมาก
วิธีรักษาผดขึ้นหน้าด้วยตัวเอง
อาการผดขึ้นหน้าเล็กน้อยนั้นสามารถหายได้เองเมื่อผิวหนังเย็นลง แต่ก็สามารถใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผดผื่นหายเร็วขึ้น เช่น
- เปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมภายในบ้าน
- อาบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นเพื่อลดความร้อน ซึ่งอาจช่วยเปิดรูขุมขนที่ถูกอุดตันด้วยเช่นกัน
- ประคบเย็น ด้วยการใช้ผ้าขนหนูสะอาดห่อน้ำแข็งแล้วประคบผดบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมแดง และอาการคันได้
- หลีกเลี่ยงการเกาผดบนใบหน้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และใช้ครีมทาผิวคาลาไมน์ (Calamine Lotion) เพื่อลดอาการคันบริเวณที่เกิดผดขึ้นหน้า แต่อาจเกิดผลข้างเคียงเป็นอาการผิวแห้ง จึงอาจต้องใช้ครีมหรือสารบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวในภายหลังด้วย
นอกจากนี้ ผดขึ้นหน้าสามารถใช้ยารักษาตามอาการและความรุนแรงของผดได้ โดยต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรให้ดีก่อนใช้ยาเสมอ รวมถึงควรใช้ยาอย่างถูกต้องภายใต้คำสั่งและคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ตัวอย่างการใช้ยารักษาผด ได้แก่
- แอนไฮดรัส ลาโนอิน (Anhydrous Lanolin) สารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ใช้ทาป้องกันการอุดตันของต่อมเหงื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผดขึ้นมาอีก
- สเตียรอยด์ (Steroids) สเตียรอยด์จะช่วยลดอาการอักเสบระคายเคืองของผด ใช้บรรเทาอาการของผดชนิดที่มีความรุนแรงมาก
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ใช้กำจัดเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะใช้รักษาผดที่เกิดการอักเสบและเป็นหนอง
- น้ำยาฆ่าเชื้อ (Antiseptic) หรือการใช้สบู่ที่มีส่วนประกอบของน้ำยาฆ่าเชื้อ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ต่าง ๆ
วิธีป้องกันผดขึ้นหน้า ปัญหาช่วงหน้าร้อน
ผู้ที่กำลังประสบปัญหาผดขึ้นหน้า หรือผู้ที่ต้องการป้องกันและลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดผดขึ้นหน้าของตน สามารถทำตามตัวอย่างแนวทางปฏิบัติเพื่อลดหรือป้องกันการเกิดผดขึ้นหน้าในอนาคต ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อน ทาครีมกันแดดหากต้องออกนอกบ้านและสัมผัสกับแสงแดด
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนและมีเหงื่อออกมาก เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก การทำงานที่ต้องออกแรงมาก ๆ
- หลีกเลี่ยงเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมหนา เสี่ยงต่อการเกิดความร้อนและมีเหงื่อออก โดยควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป และไม่อับชื้น เช่น ผ้าฝ้าย
- เพิ่มความเย็นแก่ผิวหนัง อาบน้ำเย็น และอยู่ในบริเวณที่มีอากาศเย็น เปิดแอร์ หรือพัดลมระบายอากาศ
- หากผดขึ้นหน้าเกิดจากภาวะอาการป่วยอื่นที่เป็นสาเหตุนำ ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุก่อน และปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์เพื่อให้เกิดผลการรักษาที่ดีที่สุด
- ผู้ที่เคยมีประวัติผดขึ้นหน้ามาก่อน ควรทาสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างแอนไฮดรัส ลาโนอิน ก่อนการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องเสียเหงื่อมาก
ทั้งนี้ หากผู้ป่วยมีอาการผดขึ้นหน้าเป็นเวลายาวนานหลายวัน ผดเหล่านั้นมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น เจ็บปวดบริเวณที่เกิดผดมากขึ้น รู้สึกร้อน มีอาการบวมหรือแดงมากขึ้น มีหนองไหลออกมาจากผด ต่อมน้ำเหลืองบวมบริเวณรักแร้ ลำคอ หรือขาหนีบ หรือมีอาการที่บ่งบอกถึงสัญญาณการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูง และหนาวสั่น ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจรักษา