ยาลดรอยแผลเป็นคือยาใช้ภายนอกที่ใช้ลดเลือนแผลเป็นลักษณะต่าง ๆ เช่น สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ผิวที่ไม่เรียบเนียน เป็นหลุม นูนแดง และหนาตัวขึ้น ให้ดูจางลงและเรียบเนียน เนื่องจากยาลดรอยแผลมีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง และกระตุ้นการฟื้นฟูผิวให้กลับมาใกล้เคียงกับผิวปกติได้มากที่สุด
แผลเป็นเกิดจากการที่ร่างกายซ่อมแซมผิวหนังที่เสียหายจากการเกิดสิวและบาดแผลต่าง ๆ เช่น แผลไหม้ แผลผ่าตัด และแผลจากอุบัติเหตุ ทำให้เกิดเป็นรอยบนผิวหนัง บางครั้งแผลเป็นอาจมีขนาดเล็ก มีสีใกล้เคียงกับผิวหนังปกติ ซึ่งมักจะอาจหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไป แต่แผลเป็นบางชนิดอาจทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัด การใช้ยาลดรอยแผลเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวกลับมาเนียนสวยได้อีกครั้ง
6 ส่วนประกอบสำคัญในยาลดรอยแผลเป็น
ยาลดรอยแผลเป็นแต่ละผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบที่ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นที่ต่างกัน โดยส่วนประกอบที่ช่วยดูแลผิวจากรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้
1. ซิลิโคน (Silicone)
ซิลิโคนเป็นส่วนประกอบที่พบบ่อยในยาลดรอยแผลเป็น มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) และช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจน จึงช่วยลดเลือนรอยแดง ลดอาการบวมและคัน ช่วยให้รอยแผลเป็นอ่อนนุ่ม มีขนาดเล็กลง และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนหลังการผ่าตัดด้วย
2. อัลลันโทอิน (Allantoin)
อัลลันโทอินเป็นสารที่พบในร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืชหลายชนิด นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในยาลดรอยแผลเป็น เพราะอัลลันโทอินช่วยเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนัง ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ทดแทนเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
3. สารสกัดจากหัวหอม
หัวหอมประกอบด้วยสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ คือเควอซิทิน (Quercetin) และแคมพ์เฟอรอล (Kaempferol) ที่ช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ ผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่าการใช้ยาลดรอยแผลเป็นที่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากหัวหอมเพียงอย่างเดียว หรือมีส่วนประกอบของสารอัลลันโทอินด้วย มีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวหนังที่เกิดบาดแผล และช่วยป้องกันแผลเป็นเกิดใหม่ได้ดี
4. สารผลัดเซลล์ผิว
สารผลัดเซลล์ผิวหลายชนิดเป็นส่วนประกอบที่พบในยาลดรอยแผลเป็น เช่น กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids: AHA) กรดซาลิไซลิก กรดแลคติก และเรตินอยด์ ช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดที่ตายแล้วออกไป จึงช่วยลดเลือนสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจากรอยสิวให้ดูจางลง และผิวที่หยาบกร้านจากแผลเป็นให้นุ่มขึ้น และยังช่วยในการรักษาสิวได้ดีด้วย
5. วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซีเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน หนึ่งในประโยชน์ที่โดดเด่นคือการบำรุงผิว วิตามินซีเป็นช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ลดรอยแดงและจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวยืดหยุ่นและแข็งแรง จึงเป็นอีกส่วนประกอบที่พบได้ในยาลดรอยแผลเป็น
6. วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอีพบในน้ำมันที่ผิวหนังของเรา การใช้ยาลดรอยแผลเป็นที่มีส่วนประกอบของวิตามินอีจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังได้ วิตามินอียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายของแสงแดด และอาจช่วยลดการอักเสบ การบวมแดงของผิวได้
แนะนำวิธีเลือกใช้ยาลดรอยแผลเป็น
ข้อแนะนำในการเลือกใช้ยาลดรอยแผลเป็นให้ปลอดภัยต่อผิวและช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้
- เลือกใช้ยาลดรอยแผลเป็นที่มีส่วนประกอบของสารที่ช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลง และช่วยให้ผิวเรียบเนียน และควรอ่านส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์ หากเคยมีอาการแพ้หรือระคายเคืองสารใด ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดรอยแผลเป็นที่มีส่วนประกอบของสารนั้น
- ยาลดรอยแผลเป็นมีหลายประเภท เช่น ครีม ขี้ผึ้ง เจล และแผ่นแปะผิวหนัง สามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบและความสะดวก เช่น ยารูปแบบเจลจะซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วจึงเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะผิว ยาแบบขี้ผึ้งมีความเข้มข้นจึงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่มีแผลเป็นได้ดี
- หลีกเลี่ยงยาลดรอยแผลเป็นที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง เช่น น้ำหอม สารกันเสีย ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง และทำให้แผลเป็นหายช้ามากขึ้น
แผลเป็นแต่ละชนิดอาจใช้เวลารักษาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผลเป็น สภาพผิว และยาลดรอยแผลเป็นที่ใช้ ควรใช้ยาลดรอยแผลเป็นตามที่ฉลากยาแนะนำ โดยทั่วไปมักให้ใช้ทุกวันต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์จึงจะเริ่มเห็นผลในการลดรอยแผลเป็น
หากใช้ยาลดรอยแผลเป็นแล้วอาการไม่ดีขึ้น รอยแผลมีขนาดใหญ่ มีสีเข้ม และเห็นชัดเจนจนส่งผลต่อความสวยงามและความมั่นใจ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาแผลเป็นด้วยวิธีทางการแพทย์เพิ่มเติม เช่น เลเซอร์ การฉีดสารที่ช่วยเติมเต็มผิวหรือช่วยให้แผลเป็นยุบลง และการผ่าตัด
