ยาลดไขมันในเลือดมีกี่ชนิด แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร

โดยทั่วไปการรักษาผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายให้มากขึ้น แต่ในบางกรณี แพทย์อาจต้องใช้ยาลดไขมันในเลือดในการรักษาร่วมด้วย เนื่องจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการลดระดับไขมันในเลือดได้ 

ไขมันในเลือดสูงเป็นภาวะที่เกิดจากการที่มีไขมันบางชนิดสะสมอยู่ในเลือดมากเกินไป อย่างคอเลสเตอรอลและไตรกรีเซอร์ไรด์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว คอเลสเตอรอลสามารถแบ่งออกได้อีกหลายชนิด แต่ชนิดที่สำคัญ คือ คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและคอเลสเตอรอลชนิดดี 

โดยคอเลสเตอรอลชนิดดีจะช่วยลำเลียงคอเลสเตอรอลที่เป็นอันตรายออกจากหลอดเลือด แต่คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกรีเซอร์ไรด์ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดอาจส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตันและโรคหัวใจตามมา 

ยาลดไขมันในเลือดมีกี่ชนิด แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร

ยาลดไขมันในเลือด จำเป็นสำหรับใคร

แพทย์อาจใช้ยาลดไขมันในเลือดในกรณีที่ระดับไขมันในเลือดของผู้ป่วยไม่ลดลงแม้จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารหรือออกกำลังกาย รวมถึงในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาทางด้านสุขภาพบางอย่าง เช่น

  • ผู้ที่มีประวัติการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด (Heart Attack) โรคหลอดเลือดสมอง หรือกำลังป่วยเป็นโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ (Peripheral Arterial Disease)
  • มีระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีมากกว่า 190 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอายุระหว่าง 40–75 ปี รวมถึงมีระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีมากกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ผู้ที่มีอายุระหว่าง 40–75 ปี ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) รวมถึงมีระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีมากกว่า 70 mg/dL

ยาลดไขมันในเลือดมีกี่ชนิด

ยาลดไขมันในเลือดมีอยู่หลายชนิด เช่น กลุ่มยาสแตติน (Statins) ยากลุ่มไฟเบรต (Fibrates) ยากลุ่ม Bile Acid Sequestrants ยากลุ่ม Citrate Lyase Inhibitors ไนอะซิน (Niacin) ยากลุ่ม PCSK9 Inhibitors หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นต้น 

ยาแต่ละกลุ่มจะมีกลไกทำงานต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ไตรกลีเซอร์ไรด์ รวมถึงเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด โดยกลุ่มยาลดไขมันในเลือดที่แพทย์มักใช้ ได้แก่

1. กลุ่มยาสแตติน (Statins)

กลุ่มยาสแตตินเป็นกลุ่มยาชนิดแรก ๆ ที่แพทย์มักใช้ในการรักษาไขมันในเลือด ซึ่งยากลุ่มนี้จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ชนิดหนึ่งในร่างกายที่มีหน้าที่ช่วยผลิตคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี 

นอกจากนี้ ยาในกลุ่มสแตตินยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดอุดตัน โดยตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ที่แพทย์มักใช้ เช่น ยาซิมวาสแตติน (Simvastatin) และยาอะทอร์วาสแตติน (Atorvastatin) เป็นต้น

2. ยากลุ่มไฟเบรต (Fibrates) 

ยากลุ่มไฟเบรตเป็นกลุ่มยาที่ใช้สำหรับลดระดับไขมันในเลือด โดยเฉพาะไตรกลีเซอร์ไรด์ โดยยาจะออกฤทธิ์ลดกระบวนการผลิตไลโปโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ลำเลียงไตรกลีเซอร์ไรด์ในกระแสเลือด และเร่งกระบวนการกำจัดไตรกลีเซอร์ไรด์จากเลือด รวมถึงช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด โดยตัวอย่างยาในกลุ่มที่แพทย์มักใช้ เช่น ยาฟีโนไฟเบรต (Fenofibrate) และ ยาเจมไฟโบรซิล (Gemfibrozil) เป็นต้น

ทั้งนี้การใช้ยาลดไขมันในเลือดเป็นการรักษาที่ผู้ป่วยต้องรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมถึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากยาอาจส่งผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น เซลล์กล้ามเนื้อเสียหาย ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ หรือท้องผูก เป็นต้น

นอกเหนือจากการรับประทานยา ผู้ป่วยยังต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตควบคู่ไปด้วย โดยอาจหันมาออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงการเลือกประทานอาหาร เช่น ลดอาหารที่มีปริมาณน้ำตาล ไขมันอิ่มตัว หรือไขมันทรานส์สูง และเลือกรับประทานผักหรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยใยอาหาร เป็นต้น