วิธีไล่ลมในท้องนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถกำจัดลมหรือแก๊สในท้องออกไปด้วยการเรอหรือการผายลม แต่ในบางครั้งลมหรือแก๊สที่เกิดขึ้นอาจไม่สามารถขับออกไปได้ จึงอาจทำให้ผู้ที่มีลมในท้องมากเกินไปรู้สึกปวดท้อง ท้องอืด ไม่สบายตัว รวมทั้งอาจทำให้เรอและผายลมบ่อยได้
ลมในท้องหรือแก๊สในระบบย่อยอาหาร สามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น การกลืนอากาศเข้าไประหว่างดื่มน้ำหรือกินอาหาร การทำงานของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่ช่วยในการย่อยอาหาร อาหารบางชนิดที่ก่อให้เกิดแก๊สใน เช่น ถั่ว อาหารที่มีไขมันหรือใยอาหารสูงและเครื่องดื่มที่อัดแก๊สนอกจากนี้อาจเกิดจากโรคหรืออาการบางอย่าง เช่น อาการแพ้แล็กโตส ท้องผูก โรคเซลิแอคและมะเร็งลำไส้ใหญ่
วิธีไล่ลมในท้องแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
มีหลากหลายวิธีที่คุณอาจลองนำไปใช้เพื่อช่วยขับลมในท้องออกจากร่างกายได้ เช่น
1. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอาจช่วยไล่ลมในท้องได้ โดยการเดินหลังกินอาหารอาจช่วยให้ลมในท้องหรืออาการท้องอืดดีขึ้นได้ หรือหากรู้สึกจุกเสียดและแน่นท้องอาจลองการออกกำลังกายรูปแบบอื่น เช่น กระโดดเชือกหรือวิ่ง เพื่อช่วยขับลมในท้องให้ออกไป
นอกจากนี้ การเล่นโยคะท่าต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการแน่นท้องได้เช่นกัน โดยโยคะท่าต่าง ๆ เช่น ท่า Child’s Post และท่า Happy Baby ซึ่งจะช่วยให้ลมในท้องเคลื่อนที่และออกจากร่างกาย
2. การนวดท้อง
วิธีไล่ลมในท้องอีกหนึ่งวิธีคือการนวดเบา ๆ บริเวณหน้าท้อง การนวดนั้นอาจช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและช่วยไล่ลมให้เคลื่อนตัวและออกจากร่างกายได้
วิธีนวดทำได้โดยนวดถูเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาบริเวณหน้าท้อง เริ่มจากวางมือบริเวณด้านขวาล่างใกล้กับกระดูกเชิงกราน ค่อย ๆ นวดถูเป็นวงกลมขึ้นไปจนถึงบริเวณใต้ซี่โครง จากนั้นนวดไปทางซ้ายและลงมาที่ด้านซ้ายล่างบริเวณเหนือสะโพก แล้วนวดวนไปทางสะดือ ทำซ้ำขั้นตอนต่าง ๆ ประมาณ 10 นาที อาจช่วยให้อาการท้องอืดหรือมีลมในท้องดีขึ้น
3. สมุนไพร
วิธีไล่ลมในท้องด้วยสมุนไพรเป็นการรักษาจากธรรมชาติที่อยู่คู่คนไทยมานาน โดยสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยขับลมมีหลายชนิด สามารถนำมาต้มเป็นเครื่องดื่มหรือนำมาประกอบอาหารได้ ตัวอย่างสมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยขับลม เช่น ขิง ผักชีฝรั่ง กะเพรา กานพลู นอกจากนี้ สามารถนำสมุนไพรบางอย่างมาทำเป็นชาได้ เช่น ชาเปปเปอร์มินต์ และชาคาโมมายล์ ซึ่งอาจช่วยในการไล่ลมในท้องได้เช่นกัน
4. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล หรือ Apple cider vinegar อาจช่วยต่อต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการสะสมของแก๊สในท้อง จึงอาจช่วยรักษาอาการท้องอืด ไล่ลมในท้องและช่วยย่อยอาหารได้ เพียงผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะกับชาหรือน้ำอุ่น ดื่มก่อนเริ่มกินอาหารหรือดื่ม 3 ครั้งต่อวัน สามารถดื่มได้จนกว่าอาการจะดีขึ้น
5. หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด
อาหารบางชนิดมักก่อให้เกิดแก๊สหรือลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น กะหล่ำปลี บรอกโคลี มันฝรั่ง ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีส่วนผสมของแล็กโทส ดังนั้น การหลีกเลี่ยงการกินอาหารดังกล่าวในปริมาณมากอาจเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยไล่ลมในท้อง และช่วยป้องกันการเกิดลมในท้องในอนาคตได้อีกด้วย
6. ใช้ยารักษา
หากลองใช้วิธีข้างต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจลองกินยาขับลมเพื่อไล่ลมในท้องออกจากร่างกาย เช่น ยาไซเมทิโคน (Simethicone) ซึ่งออกฤทธิ์โดยการรวบรวมแก๊สในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ขับลมออกมาง่ายขึ้น ยาอีกหนึ่งชนิดที่อาจช่วยรักษาได้ คือ ถ่านกัมมันต์ (Activated Charcoal) ถึงแม้จะเป็นยารักษาผู้ที่ได้รับพิษ สารเคมีหรือยาเกินขนาด แต่ก็อาจนำมาใช้รักษาอาการอย่างอื่น เช่น การไล่ลมในท้องออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ อาจกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบีโน (Beano) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยน้ำตาลในถั่วและผักบางชนิด ทำให้อาจช่วยไล่ลมในท้องได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการกินยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค
วิธีไล่ลมในท้องอาจช่วยรักษาให้อาการดีขึ้น แต่ทางที่ดีควรป้องกันการเกิดลมในท้องไว้แต่เนิ่น ๆ ด้วยการลดหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลให้เกิดการกลืนอากาศ เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง การใช้หลอดดื่มน้ำ การพูดคุยขณะกินอาหาร การดื่มโซดา น้ำอัดลมหรือเบียร์ และการสูบบุหรี่
หากอาการทวีความรุนแรงหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ท้องผูก ท้องเสีย หรือถ่ายเป็นเลือด อาจลองปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาต่อไป