สาเก เป็นผลไม้ที่ดูคล้ายขนุนแต่มีลูกเล็กและกลมกว่ามาก เมื่อผ่าออกจะเห็นเป็นเนื้อสีขาวทั้งลูก ไม่เพียงนิยมนำมาทำเป็นของหวานอย่างสาเกเชื่อมหรือทอดกรอบเป็นขนมกินเล่นเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ทางยา โดยเชื่อว่าใบ ราก ผล ลำต้น และยางของสาเกนั้นช่วยรักษาหรือป้องกันโรคได้หลากหลายชนิด ผลไม้ชนิดนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสาเกที่เป็นเหล้าญี่ปุ่นซึ่งทำมาจากข้าวหมักแต่อย่างใด
คุณประโยชน์ของสาเกที่เชื่อกันว่ามีมากกว่าการรับประทานเป็นอาหาร มีตั้งแต่ลดระดับคอเลสเตอรอล ต้านมะเร็ง ลดความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจ รักษาเบาหวาน กลากเกลื้อน ไปจนถึงการฟื้นบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ทว่าข้อมูลการศึกษาทางวิทยาศาตร์เกี่ยวกับความเชื่อเหล่านี้ยังมีไม่ครบถ้วนนัก ตัวอย่างงานวิจัยที่กล่าวอ้างถึงสรรพคุณทางยาของสาเกมีปรากฏให้เห็น ดังนี้
ลดระดับคอเลสเตอรอล คุณประโยชน์ยอดนิยมของสาเกคือเชื่อว่าช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งหากคำกล่าวนี้เป็นจริง สาเกก็อาจเป็นอีกทางเลือกของผู้ป่วยภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจตามไปด้วย เพราะระดับคอเลสเตอรอลที่สูงเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โรคนี้ได้
การศึกษาชิ้นหนึ่งที่ทดลองในสัตว์กล่าวสนับสนุนคุณสมบัติข้อนี้ของสาเก เนื่องจากพบว่าหนูที่มีคอเลสเตอรอลสูงจากการกินอาหาร มีน้ำหนักของตับและหัวใจลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญหลังจากให้กินสารสกัดจากสาเก ซึ่งน้ำหนักของอวัยวะที่มีมากในช่วงก่อนหน้านั้นบ่งบอกถึงการมีไขมันสะสมมากนั่นเอง นอกจากนั้นยังพบว่าหนูมีระดับไขมันชนิดดีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีและเนื้อเยื่อภายในร่างกายไปในทางที่ดีกว่าเดิม ทำให้คาดว่าสารสกัดจากสาเกอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันภาวะคอเลสเตอรอลสูงอันเกิดจากการรับประทานอาหารได้
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษากับสัตว์ จึงไม่อาจรับรองได้ว่าสาเกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากน้อยเพียงใดหากนำมาใช้กับคน คงต้องรอให้มีงานวิจัยที่ศึกษากับคนจำนวนมากโดยตรงเสียก่อนจึงจะยืนยันได้ ผู้มีภาวะคอเลสเตอรอลสูงหรือกังวลว่าตนเองอาจมีภาวะนี้ควรเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและการใช้ชีวิตของตนเองเป็นดีที่สุด เช่น ควบคุมน้ำหนัก หมั่นออกกำลังกาย เลือกรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์สูง เลิกสูบบุหรี่ ลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
รักษาเบาหวาน กล่าวกันว่าสาเกมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด มีงานวิจัยหนึ่งศึกษาประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากเปลือกรากสาเกพันธุ์แอฟริกันกับหนูทดลองที่เป็นเบาหวาน ผลลัพธ์พบว่าสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ 69 เปอร์เซ็นต์ เทียบได้กับยารักษาโรคเบาหวานอย่างไกลเบนคลาไมด์ (Glibenclamide) ที่ช่วยลดระดับน้ำตาลได้ 66 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม มีอีกงานวิจัยหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้ทดลองใช้สาเกพันธุ์แอฟริกันกับหนูที่เป็นโรคเบาหวานเช่นกัน แต่ใช้สารสกัดจากเมล็ดสาเกที่ผ่านการต้ม ซึ่งพบผลลัพธ์ในทางที่ตรงกันข้ามกับงานวิจัยแรก โดยไม่ปรากฏว่าสารสกัดจากเมล็ดสาเกมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดแต่อย่างใด ประโยชน์ในการรักษาโรคเบาหวานของสาเกจึงนับว่ายังคลุมเครืออยู่ เพราะไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าต้องใช้สาเกในรูปแบบใดจึงจะมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งไม่มีการพิสูจน์ในคนเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย ผู้ป่วยเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนลองใช้สาเก เพราะหากได้ผลจริง การใช้ควบคู่กับยารักษาเบาหวานอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำเกินไปได้
ลดความดันโลหิต ใบและผลของสาเกมักถูกนำมาใช้รักษาภาวะความดันโลหิตสูง ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ด้านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นั้นยังไม่มีหลักฐานระบุประสิทธิภาพได้อย่างแน่ชัด มีเพียงการทดลองกับหนูที่มีความดันโลหิตสูง โดยผลพบว่าหนูที่ถูกฉีดสารสกัดจากสาเกมีระดับความดันโลหิตลดลง ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการทดลองสรรพคุณข้อนี้ของสาเกควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะหากสาเกช่วยลดระดับความดันโลหิตได้จริง อาจส่งผลให้ความดันโลหิตลดต่ำเกินไปและเป็นอันตรายได้
ต้านมะเร็ง หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นหนึ่งชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของผลสาเก เช่น เปลือก เนื้อ หรือผลทั้งผล มีสารประกอบฟีนอลิก (Phenolic) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูงและมีหน้าที่สำคัญในการยับยั้งความเสียหายของเซลล์ในร่างกายและป้องกันไม่ให้กลายเป็นมะเร็ง
ประกอบกับการศึกษาในหลอดทดลองงานหนึ่งที่กล่าวว่าสารอาร์โทนิน อี (Artonin E) ซึ่งพบในผลไม้ตระกูลขนุนมีฤทธิ์ยับยั้งและฆ่าเซลล์มะเร็งรังไข่ของคนได้ สรรพคุณในด้านนี้ของสาเกจึงถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลาย แต่จะให้ผลดีจริงหรือไม่ก็ยังต้องรอให้มีงานวิจัยในคนที่น่าเชื่อถือมากพอออกมารับรองเสียก่อน
ฟื้นฟูสุขภาพผิว นอกเหนือจากประโยชน์ทางยา ในด้านความสวยความงาม สาเกอาจช่วยบำรุงผิวให้ขาวใสและอ่อนเยาว์ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งชี้ว่าสารสกัดจากแก่นกลางลำต้นสาเกมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยเพิ่มความเต่งตึงหรือความขาวใสของผิวได้ เนื่องจากพบว่ามีสารอาร์โทคาร์ปิน (Artocarpin) อันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มสารฟลาโวนอยด์ มีสรรพคุณช่วยลดสารเม็ดสีเมลานินได้ด้วยการยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์เมลานินของผิวหนัง และอาจใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบำรุงผิวขาวได้
เช่นเดียวกับงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่พบว่าสารสกัดจากแก่นกลางลำต้นของสาเกช่วยเพิ่มจำนวนของเซลล์ในบริเวณเนื้อเยื่อที่มีความเหี่ยวย่นได้อย่างมีนัยสำคัญ และกระตุ้นให้เนื้อเยื่อส่วนดังกล่าวสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น จึงอาจมีประโยชน์ต่อการรักษาปัญหาริ้วรอยและความเหี่ยวย่นของผิวหนังได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยทั้ง 2 ชิ้นนี้ต่างศึกษาในหลอดทดลองเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันจึงไม่อาจยืนยันได้ว่าหากนำมาใช้กับผิวของคนโดยตรงจะให้ผลดีและมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด
ความปลอดภัยของการใช้สาเกเป็นยารักษาโรค
การรับประทานสาเกในปริมาณที่พบได้จากอาหารทั่วไปนั้นปลอดภัยเช่นเดียวกับการรับประทานอาหารชนิดอื่น แต่การใช้สาเกเพื่อสรรพคุณทางการรักษาโรคต่าง ๆ ล้วนไม่มีหลักฐานมากพอที่จะรับรองได้ว่าไม่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดผลข้างเคียง หากต้องการทดลองใช้สาเกรักษาโรคตามสูตรหรือตำรายาใด ๆ จึงควรทำตามอย่างเหมาะสมและคำนึงถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้
- หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรับประทานสาเกในปริมาณมากหรือใช้เป็นยา เพราะปัจจุบันไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัย
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้วควรระมัดระวังในการใช้ เพราะสาเกอาจส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำเกินไปจนเกิดอันตรายได้
- ผู้ที่แพ้กล้วยหรือไทรย้อยอาจมีอาการแพ้สาเกไปด้วย
- สาเกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก ผู้มีปัญหาเกี่ยวการมีเลือดออกไม่ควรใช้สาเกเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาโรค