สาเหตุสำคัญของการแท้งที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้

เป็นเรื่องธรรมดาของคุณแม่มือใหม่ที่จะกังวลเรื่องการแท้งบุตร ซึ่งถือเป็นการสูญเสียที่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เกิดขึ้น โดยสาเหตุของการแท้งส่วนใหญ่มักไม่สามารถควบคุมได้และยากที่จะรู้ว่าแท้งเพราะเหตุใด โดยเฉพาะในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ แต่หากได้เรียนรู้ถึงสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ หมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และระมัดระวังตนเองอยู่เสมอก็อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการแท้งบุตรได้

การแท้ง คือการสูญเสียตัวอ่อนในครรภ์ในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ กล่าวกันว่ามีคนท้องประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาน่าเศร้านี้ โดยภาวะดังกล่าวมักเกิดในช่วงก่อนหมดประจำเดือนหรือบางคนอาจแท้งโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังท้องอยู่ ขณะที่คุณแม่อีกกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มักจะแท้งบุตรในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ บางรายอาจแท้งบุตรหลังจากตั้งครรภ์ไปแล้ว 5 เดือน แต่จะพบได้น้อยมาก

Miscarriage

สาเหตุของการแท้งที่พบได้บ่อย

การแท้งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่โรคภัยไข้เจ็บ การใช้ชีวิตในแต่ละวัน หรือปัจจัยภายนอกที่คาดไม่ถึงมาก่อน โดยสาเหตุสำคัญที่มักพบได้บ่อยมีดังนี้

1. โครโมโซมทารกผิดปกติ

ความผิดปกติของโครโมโซมในทารกเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของการแท้งบุตรในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ โดยปกติแล้ว โครโมโซมจะเป็นตัวกำหนดลักษณะเฉพาะของทารก อย่างสีผม สีดวงตา การเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย ดังนั้น หากโครโมโซมเกิดความเสียหายหรือมีจำนวนผิดแปลกไปจากเดิมก็อาจทำให้ทารกไม่สามารถพัฒนาได้อย่างปกติ จนสุดท้ายเกิดการแท้งในที่สุด โดยภาวะนี้ไม่สามารถป้องกันได้ และปัญหาดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงสูงขึ้นหากตั้งครรภ์เมื่ออายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม การแท้งจากสาเหตุนี้มักเกิดขึ้นซ้ำได้น้อย

2. ปัญหาสุขภาพ

คนท้องที่แท้งบุตรในช่วงไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์มักมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัวของคนเป็นแม่เอง เช่น การติดเชื้อไวรัสซีเอ็มวี หัดเยอรมัน โรคเรื้อรังที่ควบคุมได้ไม่ดี อย่างโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไทรอยด์สูง ภาวะไทรอยด์ต่ำ โรคพุ่มพวงหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคภูมิต้านทานตนเองอื่น ๆ รวมถึงปัญหาเรื่องมดลูกหรือปากมดลูก ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอกมดลูก มดลูกมีรูปร่างผิดปกติ หรือปากมดลูกปิดไม่สนิท ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งมากขึ้น

3. อันตรายจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว

สิ่งแวดล้อมภายในบ้าน สถานที่ทำงาน และบนท้องถนน เป็นสิ่งที่คนท้องต้องเจออยู่แทบทุกเวลา หากต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นประจำก็อาจส่งผลให้เกิดการแท้งได้ เช่น ก๊าซพิษจากท่อไอเสียรถยนต์หรือการเผาไหม้เชื้อเพลิง ควันบุหรี่มือสอง สารตะกั่วในท่อน้ำเก่าหรือสีทาบ้าน สารปรอทจากปรอทวัดไข้ที่แตกหรือหลอดไฟแบบตะเกียบ สารหนูที่ผสมอยู่ในน้ำบาดาล ทินเนอร์ น้ำยาขจัดคราบ น้ำยาเคลือบเงา หรือยาฆ่าแมลง เป็นต้น

4. วิถีชีวิตในแต่ละวัน

ในบางครั้งคุณแม่บางรายอาจไม่ตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจกระทบต่อสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ดิบ หรือผลิตภัณฑ์จากนมที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนอย่างหนัก หรือติดสารเสพติด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และอาจจบลงด้วยการแท้งภายในไตรมาสที่ 1-2 ของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่ยังไม่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์อยู่ จึงมักไม่ได้ระมัดระวังเรื่องสุขภาพหรือเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์มากนัก

วิธีป้องกันการแท้ง

การแท้งส่วนใหญ่มักไม่มีวิธีการป้องกันที่ได้ผลอย่างแน่นอน ถึงแม้คุณแม่จะดูแลตนเองหรือลดความเสี่ยงแล้วก็ยังอาจเกิดการแท้งได้ แต่หากทราบสาเหตุว่ามาจากโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะก็ต้องเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจช่วยลดโอกาสในการแท้งได้ไม่มากก็น้อย รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ หรือดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ก็อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงได้เช่นกัน โดยคุณแม่สามารถทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาบางชนิด และการสูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์
  • จำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งก่อนและในระหว่างการตั้งครรภ์
  • ดูแลสุขอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ และควรหลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกับคนป่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อมาสู่ตนเองและลูก
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นไปที่ผักและผลไม้ที่สดสะอาด
  • รับประทานวิตามินเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของคุณแม่และทารกในครรภ์ และได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน
  • สวมหน้ากากอนามัยหากต้องออกไปยังพื้นที่สาธารณะ เพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศ

อย่างไรก็ตาม การเตรียมความพร้อมสำหรับคุณแม่ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยควรฝากครรภ์และปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลถึงความเสี่ยงรวมทั้งควรตรวจสุขภาพเสียแต่เนิ่น ๆ หากพบความผิดปกติจะได้รับการรักษาทันทีเพื่อลดโอกาสการแท้งให้ได้มากที่สุด สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มักเกิดความรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย ๆ แต่ถ้าพบสัญญาณของอาการติดเชื้อ เช่น มีเลือดออกจากช่องคลอดมากพร้อมกับมีไข้ สั่น หรือเจ็บครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน