สาเหตุและการรักษาหน้าผากย่น ปัญหาที่มาพร้อมวัย

หน้าผากย่นและริ้วรอยบนหน้าผากเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่ปัจจัยบางอย่างก็อาจกระตุ้นให้หน้าผากย่นมาเยือนใบหน้าได้เร็วขึ้น หรืออาจทำให้รอยย่นดูลึกกว่าปกติ แน่นอนว่าปัญหาหน้าผากย่นย่อมส่งผลต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะรอยย่นบนหน้าผากที่มาก่อนวัย

แต่ถึงอย่างนั้น คุณอาจรับมือกับปัญหาหน้าผากย่นได้หลายวิธี ทั้งการดูแลตนเอง การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติลดริ้วรอย การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง รวมไปถึงการรักษารอยย่นที่หน้าผากด้วยขั้นตอนทางการแพทย์ ซึ่งบทความนี้จะช่วยบอกสาเหตุที่อาจทำให้หน้าผากย่น รวมถึงวิธีการรักษารอยย่นบนหน้าผากด้วย

สาเหตุและการรักษาหน้าผากย่น ปัญหาที่มาพร้อมวัย

หน้าผากย่นเกิดจากอะไร

ความเหี่ยวย่นและริ้วรอยเป็นสัญญาณหนึ่งของอายุที่เพิ่มขึ้น เพราะเซลล์ภายในร่างกาย รวมถึงเซลล์ผิวจะค่อย ๆ เสื่อมลง สารธรรมชาติต่าง ๆ ที่เคยช่วยให้ผิวดูเต่งตึง อย่างคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ก็มีปริมาณลดลงและสร้างขึ้นได้น้อยลงจึงอาจทำให้เกิดรอยย่นบนใบหน้าและร่างกายได้

นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกก็มีผลต่อการเกิดหน้าผากย่นได้ไม่น้อย โดยเฉพาะ

  • การสูบบุหรี่ สารพิษและสารเคมีภายในบุหรี่ส่งผลเสียต่อร่างกายในหลายด้าน สารเหล่านี้จะเข้าไปทำให้เซลล์ รวมทั้งเซลล์ผิวหนังเสียหาย และแน่นอนว่าการสูบบุหรี่เป็นประจำย่อมมีความเสี่ยงที่พบกับรอยย่นได้มากขึ้น
  • รังสียูวีจากแสงแดด เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เซลล์ผิวเสียหาย ขาดสมดุล ขาดความชุ่มชื้นจนอาจเพิ่มความเสี่ยงของริ้วรอยได้เช่นกัน
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อการระคายเคือง โดยเฉพาะน้ำหอม แอลกอฮอล์ สี สารกันเสีย และสารอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวแห้งและอักเสบ
  • การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ อย่างการยิ้มและหัวเราะ
  • ภาวะผิวแห้งอาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาหน้าผากย่น และริ้วรอยได้มากขึ้น
  • ปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการเสื่อมของเซลล์ เช่น ฝุ่นควัน มลพิษ ความเครียด และอาหารที่ไม่มีประโยชน์
  • โรคผิวหนังบางชนิดก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหานี้ได้เช่นกัน

วิธีจัดการปัญหาหน้าผากย่น

หน้าผากย่นอาจแก้ไขและชะลอได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

1. ดูแลผิวอย่างเหมาะสมและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเสมอ

การดูแลผิวเป็นประจำทุกวันด้วยวิธีที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่คุณสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้ โดยอาจเริ่มจากการทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและทำความสะอาดได้ล้ำลึก ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง

ร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารให้ความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพราะผิวที่มีความชุ่มชื้นเหมาะมักมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยย่นและปัญหาผิวได้น้อยกว่า

อีกทั้งผิวที่อิ่มน้ำอาจช่วยให้รอยย่นที่หน้าผากดูตื้นขึ้นด้วย โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผิว ปราศจากสารก่อการระคายเคือง โดยเฉพาะน้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย และสี

2. ใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย

ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยเป็นที่นิยมและหาซื้อได้ง่าย มีหลากหลายรูปแบบและหลายยี่ห้อ โดยผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่ช่วยให้ผิวดูฟู เต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่เหี่ยวย่น

ตัวอย่างของสารออกฤทธิ์ในกลุ่มนี้ เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) สารกลุ่มวิตามินเอ วิตามินซี โคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10) สารประเภทเปปไทด์ (Peptides) และสารสกัดอื่น ๆ

แม้ว่าจะมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าสารเหล่านี้อาจช่วยลบเลือนรอยย่นและริ้วรอยได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยสารเหล่านี้จะสามารถลดริ้วรอยและแก้ปัญหาหน้าผากย่นได้จริง 

อีกทั้งผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยแต่ละสูตร แต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมที่แตกต่างกันจึงไม่สามารถระบุได้ว่าสารชนิดใดดีที่สุดในการลดริ้วรอย และผลลัพธ์ของการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็อาจแตกต่างกันในผู้ใช้แต่ละคน นอกจากนี้ สารบางชนิดอาจก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ได้ด้วย

สำหรับคนที่สนใจการใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาเกินจริงหรือเห็นผลลัพธ์ไวผิดปกติ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ขายตามโซเชียลมีเดีย หากมีโรคประจำตัวหรือโรคผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิด

3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด

อย่างที่ได้บอกไปว่ารังสียูวีทำให้เซลล์ผิวหนังอักเสบ ผิวไหม้ และระคายเคือง ในระยะยาวแสงแดดอาจเป็นปัจจัยของปัญหาผิวได้หลายประเภท รวมทั้งปัญหาหน้าผากย่นและริ้วรอยบนใบหน้า

การศึกษาจำนวนมากพบว่าการสัมผัสแสงแดดและรังสีที่มากเกินไปหรือบ่อยเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคผิวหนัง อย่างฝ้า ผิวแห้ง ริ้วรอยก่อนวัย และโรคมะเร็งผิวหนัง

ดังนั้นเพื่อลดความเสียหายจากแสงแดดจึงควรดูแลตนเองด้วยการทาครีมกันแดที่มีเอสพีเอฟสูงก่อนออกแดดเสมอ สวมเสื้อผ้าที่มิดชิดเพื่อปกป้องผิวจากแสง กางร่มเมื่อออกแดด หากเป็นไปได้ ควรพยายามเดินหลบหรือยืนในที่ร่มอยู่เสมอ

4. เลิกบุหรี่

เช่นเดียวกับรังสียูวี สารพิษจากบุหรี่เร่งการเสื่อมของเซลล์และระบบภายในร่างกายจนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลากหลายรูปแบบ การศึกษาชิ้นหนึ่งศึกษาความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยในคน 3 กลุ่ม หลากหลายช่วงวัย

กลุ่มแรกเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่จำนวน 299 คน กลุ่มที่สองเป็นคนที่เลิกบุหรี่แล้วจำนวน 551 คน และกลุ่มที่สามเป็นกลุ่มคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำจำนวน 286 คน ภายหลังการสรุปผล การศึกษาชิ้นนี้ชี้ว่าผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่มีความเสี่ยงที่จะเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้สูงกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่

ด้วยเหตุนี้การเลิกบุหรี่จึงเป็นอีกวิธีที่อาจช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย ลดการเกิดริ้วรอย รอยย่นที่หน้าผาก รวมทั้งลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพด้านอื่น ไม่เพียงสารพิษจากการสูบบุหรี่เท่านั้น ควันบุหรี่มือสองก็ส่งผลต่อร่างกายได้ไม่ต่างกัน

ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับควันบุหรี่ไม่ว่าจะรูปแบบใด หากพบปัญหาในการเลิกบุหรี่ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

5. รับการรักษาด้วยขั้นตอนทางการแพทย์

ในปัจจุบันมีเครื่องมือ ขั้นตอน และเทคโนโลยีทางแพทย์หลากหลายรูปแบบที่สามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าผากย่น รวมทั้งปัญหาผิว ริ้วรอย และปัญหาอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์อาจแนะนำวิธีต่อไปนี้ในการจัดการกับปัญหาหน้าผากย่น

  • การขัดผิว (Resurfacing) เป็นขั้นตอนที่ช่วยขัดผิวเพื่อเอาเซลล์ผิวเก่าหรือเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพบนผิวชั้นนอกออกจากหน้าผากและใบหน้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น การขัดผิวทำได้หลายวิธี ทั้งการใช้ครีมที่ผสมสารผลัดเซลล์ผิว ไปจนถึงการใช้เครื่องยิงเลเซอร์
  • การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) หรือสารโบลูทินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าไปทำให้กล้ามเนื้อหน้าผากหรือกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ เป็นอัมพาต เมื่อยิ้มหรือแสดงสีหน้า กล้ามเนื้อหน้าผากและใบหน้าส่วนนั้นก็จะไม่สามารถขยับจึงไม่ทำให้เกิดรอยย่นบริเวณหน้าผาก
  • การผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวทำได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำเฉพาะส่วน ไปจนถึงการทำทั่วทั้งใบหน้า โดยวิธีนี้จะช่วยลดความหย่อนคล้อย รอยย่น และช่วยให้ใบหน้าดูตึง กระชับ และดูเด็กลง

แพทย์อาจแนะนำขั้นตอนทางการแพทย์ให้เหมาะสมกับความรุนแรงของปัญหาหน้าผากย่นและความต้องการของผู้เข้ารับบริการ ซึ่งผลลัพธ์ของขั้นตอนเหล่านี้อาจเห็นได้ชัดและไวกว่าวิธีอื่น แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น อีกทั้งขั้นตอนทางการแพทย์ทุกขั้นตอนล้วนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

ส่วนผลลัพธ์ของวิธีการเหล่านี้อาจคงอยู่ได้ในระยะเวลาที่แตกต่างกันตามขั้นตอนและการใช้ชีวิต ดังนั้นเพื่อความคุ้มค่าและความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

แม้ว่าวิธีในข้างต้นอาจช่วยแก้ไขและชะลอปัญหาหน้าผากย่นได้ แต่ก็เป็นผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะร่างกายย่อมเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาและอายุที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาสุขภาพในทุก ๆ ด้านก็อาจช่วยได้ไม่มากก็น้อย ควรใส่ใจในอาหารการกิน กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ และทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด

หากเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าปัญหาหน้าผากย่นและริ้วรอยบนใบหน้ากวนใจและไม่สามารถควบคุมได้ ควรไปปรึกษาแพทย์